• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 2 กันยายน2563

    2 กันยายน 2563 | Economic News
 

· ดอลลาร์แข็งค่าจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้านออสเตรเลียดอลลาร์ร่วง

ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าหลังลงไปทำต่ำสุดรอบ 2 ปี จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตยังมีความแข็งแกร่ง ขณะที่ภาพรวมข้อมูลการผลิตจีนและยุโรปที่มีการขยายตัวในทิศทางเดียวกัน ด้านยูโรอ่อนค่าจากแรงขายทำกำไรหลังไปทำสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2018

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.16% ที่ 92.39 จุด หลังทำระดับต่ำสุดตั้งแต่เม.ย. 2018 ที่ระดับ 91.737 จุด

สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย เผยข้อมูลจีดีพีที่ออกมาแย่ที่สุดในไตรมาสที่ผ่านมา ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ฉุดให้เศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลียเข้าสู่ภาวะถดถอย และทำให้ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง 0.5% ที่ 0.7348 ดอลลาร์ออสเตรเลีย

ยูโรเผชิญแรงขายทำกำไรปรับลงมาท่ี่ 1.19085 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ทำสูงสุดเมื่อวันอังคารที่เป็นสูงสุดตั้งแต่พ.ค. 2018 บริเวณ 1.2014 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 106.075 เยน/ดอลลาร์ โดยพรรค LDP ของญ๊่ปุ่นจะมีการลงคะแนนเลือกตั้งผู้นำพรรคในวันที่ 14 ก.ย. นี้ แต่บรรดานักวิเคราะห์มองว่าตลาดตอบรับความเสี่ยงจากเรื่องนี้แล้ว

ปัจจัยที่สนับสนุนดอลลาร์อีกหนึ่งเรื่อง คือ การที่หัวหน้าเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวเผยว่า สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันมีแนวโน้มเชิงบวกเกี่ยวกับร่างช่วยเหลือ Covid-19 ในสัปดาห์หน้า

ค่าเงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.3379 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่ทำสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งปีที่แล้วบริเวณ 1.3516 ดอลลาร์/ปอนด์

ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงเล็กน้อย 0.08% ที่ 6.8305 หยวน/ดอลลาร์


· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น ก่อนหน้าการประกาศข้อมูลการจ้างงานและรายงาน Beige Book

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้นมาที่บริเวณ 0.6803% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับลงมาที่ 1.4388%


· เพโลซี กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือ Covid-19 ยังมีข้อแตกต่างอย่างมากระหว่างพรรคเดโมแครต-รีพับลิกัน

นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวให้สัมภาษณ์หลังจบสายสนทนาทางโทรศัพท์ร่วมกับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ โดยกล่าวว่า ยังมีข้อแตกต่างอย่างมากระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันเกี่ยวกับร่างงบประมาณ Covid-19 ท่ามกลางสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของแรงงานภาคครัวเรือนชาวสหรัฐฯที่กำลังประสบปัญหาในเวลานี้

ทั้งนี้ จะยังไม่มีการเจรจารอบใหม่เกิดขึ้นต่อจากช่วงต้นเดือนส.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถหาทางเชื่อมความแตกต่างระหว่างกันได้ โดยทีมบริหารของนายทรัมป์ไม่ต้องการให้มีงบการช่วยเหลือที่สูงกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสำหรับภาคธุรกิจขนาดเล็ก, มณรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่น, สถานศึกษา และเรื่องสุขภาพ

อย่างไรก็ดี จากการสนทนาล่าสุดนั้น เธอก็คาดหวังว่าพรรครีพับลิกันจะกลับสู่การเจรจาร่วมกับพรรคเดโมแครตอีกครั้งเพื่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของชาวสหรัฐฯ

โดยในช่วงกลางเดือนพ.ค. ทางสภาผู้แทนราษฎรนั้นพรรคเดโมแครตมีการอนุมัติร่างงบประมาณฉบับที่ 5 ของปีนี้ โดยมียอดงบประมาณโดยรวมกว่า 3 ล้านล้านเหรียญ ขณะที่ในเดือนต่อมา ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน เผยว่าร่างงบประมาณ 1 ล้านล้านเหรียญที่ยื่นมาทางวุฒิสภาจะไม่ทำการโหวตผ่านใดๆ


· สหรัฐฯยื่นเรื่องเจรจาถึงเม็กซิโกเกี่ยวกับการนำเข้าอาหารที่เน่าเสียได้ง่าย เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรสหรัฐฯ

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารของนายทรัมป์ ได้ประกาศถึงแผนการการเจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของประเทศเม็กซิโก ถึงเรื่องของการนำเข้าผักและผลไม้ที่เน่าเสียง่าย จึงมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะส่งผลต่ออัตราภาษีในอนาคต และ

นอกจากนี้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) จะขอให้คณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เริ่มการตรวจสอบมาตรา 201 เพื่อการตรวจสอบและทบทวนกับทั่วโลก เกี่ยวกับปริมาณการนำเข้าบลูเบอร์รี่ที่มากขึ้น จนเป็นเหตุให้เกษตรกรในประเทศได้รับความเสียหาย

หากเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบพบความเสียหายใดๆ ทางรัฐบาลสหรัฐฯก็จะตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าเพื่อช่วยเหลือเกษตรการภายในประเทศ


· ยอดค้าปลีกที่อ่อนแอของเยอรมันนี บดบังความหวังการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ยอดค้าปลีกของเยอรมันนีประจำเดือนก.ค.ลดลงอย่างไม่คาดคิด จึงกดดันความ หวังที่ว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะเพียงพอที่จะผลักดันการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

โดยยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ปรับตัวลดลง 0.9% หลังจากร่วงลงไป 1.9% ในเดือนมิ.ย.

ขณะที่ผลสำรวจจาก Reuters คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% แม้ว่ายอดค้าปลีกจะเป็นตัวบ่งชี้ที่ผันผวนซึ่งมักจะได้รับการแก้ไข

สำหรับภาพรวมในปีนี้ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 4.2% หลังจากที่มีการปรับเพิ่มขึ้น 6.7% ในเดือนก่อนหน้า


· รองผู้ว่าการบีโอเจกล่าวถึงการกำหนดเป้าหมายใหม่ของเฟดเป็นการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์

นายมาซาซุมิ วากะทาเบะ รองผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่นกล่าวในวันนี้ว่า การที่เฟดใช้นโยบายเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย ส่งผลให้เกิดคำถามว่านโยบายนี้จะสามารถทำให้เฟดบรรลุผลได้จริงหรือไม่ โดยนโยบายนี้ถือเป็นการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์

แต่จำเป็นต้องใช้เวลาในการพิจารณาดูว่าจะเกิดผลกระทบกับนโยบายของธนาคารกลางประเทศอื่นๆอย่างไร


· นายซูงะถูกคาดว่าจะเข้าชิงตำแหน่งนายก

โดยนายซูงะ กล่าวสรุปสั้นๆและมีการส่งสัญญาณถึงการจะเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น

นายซูงะ กล่าวว่า เขาจะแถลงการณ์เกี่ยวกับการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคในวันนี้ พร้อมยืนยันแผนการของเขาที่จะประกาศตัวเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งมีคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าเขาจะได้รับชัยชนะ


· คิชิดะ ระบุว่า สามารถแสดงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและนโยบายญี่ปุ่น

นายฟูมิโอะ คิชิดะ หัวหน้าฝ่ายนโยบายจากพรรค LPD ของญี่ปุ่น ซึ่งได้รับเลือกเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้นำพรรค กล่าวว่า เขาสามารถแสดงจุดแข็งทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นรวมทั้งการดำเนินนโยบายการต่างประเทศได้ และเขาก็ต้องการเป็นผู้นำเพื่อที่รับฟังเสียงของประชาชน ซึ่งญี่ปุ่นต้องมุ่งเน้นไปที่ความท้าทายในเรื่องของความยากจนและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม


· อินเดียตำหนิจีนในการใช้วิธียั่วยุเพิ่มบริเวณเทือกเขาหิมาลัย

รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย กล่าวตำหนิกองกำลังจีนที่ใช้ยุทธวิธียั่วยุเพิ่มเติมบริเวณข้อพิพาทเทือกเขาหิมาลัย ขณะที่ผู้บัญชาการของทั้งฝ่ายที่กำลังเจรจากันเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดของสองประเทศ


· เศรษฐกิจออสเตรเลียดิ่งลงมากสุดครั้งประวัติการณ์ท่ามกลางการสิ้นสุดการระบาดของไวรัสในประเทศ

เศรษฐกิจประเทศออสเตรเลียดิ่งลงหนักสุดครั้งประวัติการณ์ในไตรมาสที่ 2/2020 จากการใช้มาตรการสกัดการระบาดของไวรัสที่ทำให้กิจกรรมทางภาคธุรกิจของประเทศเป็นอัมพาต ขณะที่การระบาดรอบใหม่ดูส่งผลกับการฟื้นตัว และกดดันให้รัฐบาลจำเป็นต้องคงการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงิน

สำนักงานสถิติ ABS กล่าวว่า จีดีพีของประเทศดิ่งลง -7% ในช่วง Q2/2020 จากไตรมาสแรกที่อยู่ที่ -0.3% หรือคิดเป็นมูลค่า 2 ล้านล้านเหรียญ

ขณะที่ภาพรวมประเทศออสเตรเลียดูเหมือนจะมีภาพทางเทคนิคในเขตถดถอยทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกับประเทศสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, อังกฤษ และเยอรมนี และเรียกได้ว่าการปรับตัวลดลงครั้งนี้แย่ที่สุดตั้งแต่ปี 1991


· รายงานยอดติดเชื้อในออสเตรเลียปรับตัวลงทำระดับต่ำสุด อาจเกิดการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม

การระบาดของไวรัสโคโรนารอบสองในประเทศออสเตรเลีย โดยมีจุดศูนย์กลางการระบาดอยู่ที่รัฐวิคทอเรีย จากเดือนที่แล้วที่ทำสูงสุดรายวันไว้ที่ 700 ราย และล่าสุดมีรายงานยอดติดเชื้อล่าสุดที่ 90 ราย เป็นการปรับตัวลดลงเป็นเท่าตัว 3 วันต่อเนื่อง จึงอาจเห็นการผ่อนคลายการดำเนินมาตรการ Lockdown ได้


· น้ำมันดิบปรับสูงขึ้น จากสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่ลดลง ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯออกมาลดลงมากกว่าที่คาด รวมทั้งข้อมูลภาคการผลิตของสหรัฐฯและจีนออกมาดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จึงช่วยหนุนมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา จึงช่วยเพิ่มเชื่อมั่นให้กับเหล่านักลงทุน

โดยสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ส.ค. 63 ปรับตัวลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 501.2 ล้านบาร์เรล

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ ที่ระดับ 46.03 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ที่ระดับ 43.19 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com