• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 18 สิงหาคม 2563

    18 สิงหาคม 2563 | Economic News
 

· ดอลลาร์ร่วงจากแรงขายกำไรเข้ากดดัน


ดอลลาร์อ่อนค่าต่อหลังไปทำต่ำสุดใหม่ หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ่อนตัว และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ท่ามกลางอุปสงค์ในสินทรัพย์ปลอดภับเพิ่มขึ้น หนุนแรงกดดันดอลลาร์

ค่าเงินหวนแข็งค่าแตะุ 6.9246 หยวน/ดอลาร์ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากสุดตั้งแต่ 9 มี.ค. แม้ว่าทีมบริหารของนายทรัมป์จะมีการใช้มาตรการที่เข้มงวดกับบริษัทหัวเวยของจีนเพิ่ม

ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1891 ดอลลาร์/ยูโร หลังร่วงหลุดต่ำกว่าสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 1.1916 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินเยนแขํ็งค่าหลุด 106 เยน/ดอลลาร์ มาที่ 105.63 เยน/ดอลลาร์ โดยที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับอ่อนค่าลง 2.6 จุด

ค่าเงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.314 ดอลลาร์/ปอนด์ จับตาเจรจา Brexit ล่าสุด

ด้านดัชนีดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 8 วันที่ 92.634 จุด

ค่าเงินในกลุ่ม G10 อาทิ ค่าเงินกีวีของนิวซีแลนด์อ่อนค่าต่อหลังเมืองใหญ่ยังอยู่ในภาวะ Lockdown


· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ


อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงมาบริเวณ 0.6704% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับลงมาที่ 1.4147%

ทั้งนี้ ตลาดให้ความสนใจไปยังประเด็นความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา


· ทรัมป์ปฏิเสธที่จะลดค่ารักษาพยาบาลของกองทัพ 2.2 พันล้านเหรียญ

ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าได้ปฏิเสธข้อเสนอของกระทรวงกลาโหมที่จะลดค่ารักษาพยาบาลของกองทัพ

จากรายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเลขาธิการของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ นาย มาร์ค เอสเปอร์ ได้เสนอข้อทบทวนเกี่ยวกับการลดค่ารักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพของกองทัพสหรัฐฯเป็นจำนวนเงิน 2.2 พันล้าน

ข้อเสนอที่จะปรับลดค่ารักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพของกองทัพในอีก 5 ปีข้างหน้า ได้เริ่มเมื่อต้นปีเพื่อที่จะกำจัดความไร้ประสิทธิภาพของกองทัพ

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงกลาโหมได้โต้แย้งว่าการลดเงินทุนดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการรักษาพยาบาลของเจ้าหน้าที่ทหารและครอบครัวของพวกเขาหลายล้านคนท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของไวรัสโคโรนา

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ทรัมป์ ได้หารือกับที่ปรึกษาส่วนตัวในความเป็นไปได้ในการปลด นาย เอสแปอร์ออกจากตำแหน่ง หลังจากการเลือกตั้งเดือน พ.ย.


· ผลกำไร BHP ร่วงลงกว่า 4% เตือนการชะลอตัวนอกจีน

BHP Group คาดว่าประเทศเศรษฐกิจอื่นๆยกเว้นจีนกำลังประสบปัญหาขาลงจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยรายงานล่าสุดชี้ว่าผลประกอบการประจำปีปรับตัวลง 4%

ขณะที่ประทศเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มเหมืองก็ดูจะดีขึ้นคู่กับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายทางโครงสร้างพื้นฐาน ท่ามกลางความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดรอบใหม่

การกล่าวเตือนของ BHP มีขึ้นหลังผลประกอบการของ BHP ดิ่งลง 9.06 พันล้านเหรียญ ต่ำกว่าที่คาดไว้ 9.42 พันล้านเหรียญ


· ผู้นำฮ่องกงไม่ยอมรับมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ

นางแครี แลม ผู้นำเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวว่าเธอไม่ได้กังวลต่อมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯมากนัก แต่ฮ่องกงจะร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เกี่ยวกับข้อกำหนดของสหรัฐฯเรื่องสินค้าที่ผลิตในฮ่องกง

สหรัฐฯได้กำหนดบทลงโทษต่อ นางแลม เจ้าหน้าที่ปัจจุบันและอดีตของฮ่องกง รวมถึงจีน ซึ่งสหรัฐฯกล่าวหาว่าเป็นการตัดทอนเสรีภาพทางการเมืองในศูนย์กลางทางการเงิน


· สิงคโปร์วางแผนใช้เงิน 5.8 พันล้าน เพื่อบรรเทาพิษเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด

รองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ นาย เฮง สวี เกียต ประกาศจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ด้วยวงเงิน 8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 5.8 พันล้านเหรียญ

นายเฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีผู้ประสานงานด้านนโยบายเศรษฐกิจ กล่าวว่า ในระหว่างมาตรการได้ประกาศขยายโครงการเพื่อการเยียวยามากกว่า 7 เดือน โดยแต่ละบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนนั้นขึ้นอยู่กับการประเมินด้านการฟื้นตัว

รองรัฐมนตรียังเผยอีกว่า การสนับสนุนนี้รวมไปถึงด้านสายการบิน และ ความน่าเชื่อถือด้านการท่องเที่ยว เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวในประเทศของชาวสิงคโปร์

สำนักงานเศรษฐกิจยังรายงานอีกว่าสิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เศรษฐกิจหดตัวมากที่สุดในเอเชียในไตรมาสที่ 2

โดยหดตัวลง-13.2% เมื่อเทียบกับทุกปี ซึ่งแย่ที่สุดเป็นประวัติการณ์


· Reuters ชี้ เศรษฐกิจไทยประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนา แต่อาจไม่ช่วยหนุนเศรษฐกิจมากนั

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ดูแล้วจะไม่ได้ช่วยให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจขยายตัวมากนัก หลังจากที่ปีนี้แถบเอเชียดูจะประสบภาวะย่ำแย่อย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่กระทบหนัก

นอกจากนี้ ไทยยังมีความกังวลต่อการประท้วงต่อต้านรัฐบาล ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์บางส่วน กล่าวว่า อาจยิ่งสร้างแรงกดดันให้แก่ผู้กำหนดนโยบายต่างๆที่พยายามรักษาทิศทางเศรษฐกิจ

เมื่อวานนี้ ประเทศไทยมีรายงานจีดีพีที่หดตัวลงมากที่สุดตั้งแต่ที่เอเชียเผชิญกับยุควิกฤตทางการเงินปี 1998 ซึ่งล่าสุดหดตัว -12.2% ในไตรมาสที่ 2/2020 แต่ภาพรวมก็ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ -13.3%


· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง แม้ว่าส่วนใหญ่จะปรับขึ้นในชั่วข้ามคืนหลังจากกลุ่มโอเปกพลัส ทำการตกลงกันที่จะปรับลดกำลังการผลิต เพื่อพยุงราคา ท่ามกลางความต้องการเชื้อเพลิงที่ลดลงเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 22 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.5% ที่ระดับ 45.15 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 23 เซนต์ หรือคิดเป็น 42.66 เหรียญ/บาร์เรล

ด้านสำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กลุ่มโอเปกพลัสได้ปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตมากถึง 97% ในเดือนก.ค. ซึ่งข่าวดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกพลัสมีมติปรับลดการผลิตเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ปรับลด 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งมติดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนส.ค. ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยโอเปกพลัสระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากการที่ประเทศต่างๆกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังประกาศมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com