• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 7 กรกฎาคม 2563

    7 กรกฎาคม 2563 | SET News
   

· ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวแบบผสมผสานกันในวันนี้ เนื่องจากธนาคารกลางออสเตรเลียตัดสินใจประกาศคงอัตราดอกเบี้ย

ด้านตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากที่ blockbuster ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ โดยดัชนี Shenzhen พุ่งขึ้น 1.17% ปิดที่ระดับ 13,163.98 จุด ขณะที่ดัชนี Shanghai composite เพิ่มสูงขึ้น 0.37% ที่ระดับ 3,345.34 จุด หลังจากที่เมื่อวานนี้พุ่งขึ้นกว่า 6% จากการที่วารสาร China Securities Journal ซึ่งเป็นสื่อของทางการจีนได้เผยแพร่บทบรรณาธิการและบทความที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเพื่อสนับสนุนตลาดภายในประเทศ พร้อมกับมองโอกาสตลาดขาขึ้น

ดัชนี Nikkei ลดลง 0.44% ปิดที่ระดับ 22,641.69 จุด ด้านดัชนี Topix ลดลง 0.34% ปิดที่ระดับ 1,571.71 จุด รวมทั้งดัชนี Kospi เกาหลีใต้ ลดลง 1.09% ที่ระดับ 2,164.17 จุด

ดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย ปิดทรงตัวที่ระดับ 6,012.90 จุด

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลง 0.59%


· จีนหนุนประชาชนซื้อหุ้น ส่งผลบวกต่อตลาด

บรรดานักกลยุทธ์ กล่าวว่า 2 ปัจจัยที่ช่วยหนุนภาวะขาขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวานนี้ คือการที่สื่อในประเทศของจีนมีการให้มุมมองสนับสนุนต่อการเข้าซื้อหุ้น รวมทั้งการที่บรรดาธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกต่างให้การสนับสนุนตลาดการเงิน

ทั้งนี้ China Securities Journal ซึ่งเป็นสื่อของทางการจีนได้เผยแพร่บทบรรณาธิการและบทความที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเพื่อสนับสนุนตลาดภายในประเทศ พร้อมกับมองโอกาสตลาดขาขึ้น ได้ช่วยทำให้ตลาดหุ้นจีนวานนี้ปรับขึ้น นำโดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ที่ปรับขึ้นกว่า 5.7% และกลายเป็นปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้นทั่วโลก

หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการลงทุน ระบุว่า ตลาดหุ้นขึ้นจากการที่เฟดให้การสนับสนุนตลาดขาขึ้น ประกอบกับรายงานของสื่อจีนที่เกิดขึ้นเป็นสำคัญ


· ซัมซุง ชี้ ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 มีแนวโน้มข้น 23%

หุ้นบริษัทซัมซุงปรับลงหลังจากที่ตัวชี้วัดผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 2 มีแนวโน้มจะปรับขึ้นได้ 23% ที่ 8.1 ล้านล้านวอน (6.8 พันล้านเหรียญ) เมื่อทียบกับปีก่อน จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าออกมาที่ 6.4 ล้านล้านวอน แต่มีการประเมินยอดขายมีแนวโน้มตกลงอีกกว่า 7% เมื่อเทียบรายปี หรือคิดเป็น 52 ล้านล้านวอน


· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนารอบสองในสหรัฐฯและข้อมูลที่อ่อนแอของเยอรมนี

หลังจากข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีประจำเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 7.8% ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะพุ่งขึ้น 10% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หลังจากร่วงลงไปที่ระดับ -17.5% ในเดือนเม.ยที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส

ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.7% ด้านหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและการพักผ่อนร่วงลง 1.6% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนลบ

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- น.ส.กัณญภัค ตัณติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออก ปรับลดคาดการณ์ส่งออกในปีนี้หดตัว -10% จากเดิมหดตัว -8% เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ตลาดส่งออกในหลายประเทศล็อกดาวน์ และปัญหาเงินบาทแข็งค่า หลังจากภาพรวมช่วงเดือนม.ค.- พ.ค. 63 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 97,898 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -3.71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

- "นักเศรษฐศาสตร์" ฟันธง "วิกฤติโควิด" ทุบเศรษฐกิจไทยหนักสุดเป็นประวัติการณ์ "จีดีพี" หดตัวลึกกว่าต้มยำกุ้ง "ศูนย์วิจัยกสิกร" ห่วงคุณภาพหนี้ พร้อมแนะจับตาปัญหาว่างงาน ด้าน "วิจัยกรุงศรี" เผยเอกชนขาดสภาพคล่องหนักกว่า 1.7 ล้านล้าน แนะรัฐเร่งเติม ป้องวิกฤติลากยาว ด้าน "แบงก์กรุงเทพ" ระบุครั้งนี้ หนักสุดรอบ 150 ปี ชี้คนกลุ่มล่างอ่วมสุด ขณะ "อีไอซี" ฟันธง เศรษฐกิจฟื้นรูปตัว "ยู" มองวิกฤติครั้งนี้เปิดจุดอ่อนประเทศ ด้านเทคโนโลยี

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com