• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 18 มิถุนายน 2563

    18 มิถุนายน 2563 | Economic News

· ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากที่ลงไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดช่วงต้นตลาด โดยนักลงทุนค่อนข้างกังวลกับความตึงเครียดทางการค้าที่ดูจะทำให้เกิดการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยกันมากขึ้นก่อนทราบถ้อยแถลงของประธานเฟด

ความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงอยู่ในระดับสูงจากการพบผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯมากถึง 6 รัฐ และผู้ติดชื้อใหม่ในจีน ประกอบกับการปะทะกันของเจ้าหน้าที่ทหารของอินเดียและจีนบริเวณเทือกเขาหิมาลัย

ขณะที่ประธานเฟดจะกล่าวรายงานตนเป็นวันที่ 2 ที่เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาด แม้ว่าทิศทางเศรษฐกิจจะสดใส แต่ก็ตลาดก็คาดหวังว่าเฟดน่าจะเลือกสนับสนุนการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.27% ที่ 97.25 จุด โดยฟื้นกลับได้หลังลงไปทำอ่อนค่ามากสุดในรอบ 3 เดือน จากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มมีการฟื้นตัว และตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น

ท่าทีระมัดระวังของเฟดก็ได้ส่งผลต่อค่าเงินยูโรให้ยังคงทรงตัวต่ำกว่าระดับแข็งค่ามากที่สุดรอบ 3 เดือนที่ 1.142 ดอลลาร์/ยูโรที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเมื่อคืนปิด -0.35% ที่ 1.122 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ปรับขึ้นได้เกือบ 5% ตั้งแต่มีการเสนอจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูยุโรปในช่วงปลายเดือนพ.ค.

· ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ ชี้เศรษฐกิจจะใช้เวลานานในการฟื้นตัวจากวิกฤตครั้งนี้

นางลอเร็ตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ระหว่าง -25% ถึง -40% และมีโอกาสเผชิญกับการใช้เวลานานในการฟื้นตัว โดยทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จของความพยายามในการจำกัดการระบาดของไวรัสโคโรนา

นอกจากนี้ เธอยังคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯโดยองค์รวมจะหดตัวลง -6% ขณะที่อัตราว่างงานมีโอกาสแตะ 9% ในช่วงสิ้นปีนี้

· WHO เรียกร้องให้ระมัดระวังการใช้ยาเดกซาเมทาโซนในการรักษาไวรัสโคโรนาจากการรับข่าวก่อนหน้า

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เรียกร้องให้ประชาชนมีความระมัดระวังเกี่ยวกับยาเดกซาเมทาโซน หลังมีข้อมูลรายงานว่าสามารถใช้ยาประเภทสเตียรอยด์ตัวนี้ในการรักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนาได้ เนื่องจากยังอยู่ในกระบวนการศึกษาขั้นต้น

ผลจากมหาวิทยาลัย Oxford ก็ออกมาสนับสนุนถึงการมีประสิทธิผลของตัวยา แต่ก็ระบุว่านี่เป็นเพียงกระบวนการในการศึกษาอยู่เท่านั้น ซึ่งเราต้องมั่นใจในการรอดูข้อมูลแท้จริง และข้อมูลฉบับเต็มก่อน

· Morgan Stanley ชี้ การระบาดของไวรัสโคโรนารอบ 2 จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวต่อเศรษฐกิจเอเชีย

นักเศรษฐศาสตร์ของ Morgan Stanley ระบุว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งใหม่ในเอเชียอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจเหมือนครั้งแรก แม้ว่าจะเห็นการเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในจีนและเกาหลีใต้

กรรมการผู้จัดการของ Morgan Stanley กล่าวว่า หากเกิดการระบาดรอบสองอาจจะส่งผลให้เกิดการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม แต่เราก็มีการเรียนรู้และรับมือจากเหตุการณ์การระบาดช่วงแรกแล้ว

· ทรัมป์ลงนามกฎหมายกดดันจีนเกี่ยวกับกรณีกลุ่มมุสลิมอุยกูร์

เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการลงนามกฎหมายความบาตรจีนต่อกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์

· ธนาคารกลางอังกฤษจะกลับมาพิจารณาการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ในวันนี้การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ หรือบีโออี ถูกคาดว่าจะมีการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโคโรนา โดยคาดจะมีการเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรอีกไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านปอนด์ (1.25 แสนล้านเหรียญ)

ทั้งนี้ บีโออีมีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงิน 2 แสนล้านปอนด์ไปแล้วเมื่อช่วงเดอนมี.ค. เพื่อรับมือกับการกู้ยืมภาครัฐบาลที่อยู่ในระดับสูงจากการต่อสู้กับวิกฤตครั้งงนี้

สำหรับอัตราดอกเบี้ยยังคาดว่าบีโออีจะทำการปรับลดดอกเบี้ยต่ำกว่าศูนย์เป็นครั้งแรก แต่คิดว่าบรรดาสมาชิกจะใช้เวลาในการพิจารณาเรื่องดอกเบี้ยอีกครั้ง

· บรรดานักวิเคราะห์ชี้ ตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้อาจรุนแรงเพิ่มขึ้นหลังเกิดการระเบิดศูนย์ประสานงาน

นักวิเคราะห์หลายราย กล่าวไปในทางเดียวกันว่า ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้อาจทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่กาหลีเหนือมีการระเบิดศูนย์ประสานงานเกาหลีลงไป ดังนั้น ความตึงเครียดจึงมีแนวโน้มจะค่อยๆทวีความรุนแรงมากขึ้น พร้อมกล่าวเตือนว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิด และความไม่มีเสถียรภาพหลายๆครั้งเราอาจไม่สามารถรับรู้ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับท่าทีของเกาหลีเหนือเท่านั้น

· น้ำมันร่วง 1% จากความกังวลอุปทานน้ำมันล้นตลาด

ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงจากสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ขณะที่กำลังการผลิตลดลงจึงทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานที่จะลดลงจากการระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งใหม่

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 35 เซนต์ หรือ -0.85% ที่ 40.61 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 42 เซนต์ หรือ -1.09% ที่ 37.96 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com