• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 17 มิถุนายน 2563

    17 มิถุนายน 2563 | Economic News

· ดอลลาร์แข็งค่าหลังค้าปลีกสหรัฐฯแข็งแกร่งและการกล่าวถ้อยแถลงประธานเฟด

ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากยอดค้าปลีกสหรัฐฯในเดือนพ.ค. ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์หลังดิ่งลงตลอดในช่วง 2 เดือน จึงถือเป็นการตอกย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจก้าวข้ามภาวะถดถอยได้

ยอดค้าปลีกสหรัฐฯออกมาดีขึ้นตามหลังข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค. ขณะที่นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดยังคงกล่าวย้ำถึงคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา และถึงแม้นายโพเวลล์จะกล่าวเช่นนั้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้ดอลลาร์หยุดแข็งค่าได้ เนื่องจากถ้อยแถลงของเขาดูจะไปหนุนค่าเงินในสกุลสินทรัพย์ปลอดภัย

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.5% ปิดที่ 97.019 จุด ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.5% ที่ 1.1262 ดอลลาร์/ยูโร ทางด้านค่าเงินเยนทรงตัวที่ 107.29 เยน/ดอลลาร์

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และนักกลยุทธ์จาก Rosenberg Research กล่าวว่า การสิ้นสุดภาวะ Lockdown และอัตราการออมส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น 33% ดูจะยังไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นค่าใช้จ่ายรอบใหม่ เนื่องด้วยถึงแม้ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯบางส่วนจะออกมาแข็งแกร่ง แต่จีดีพีแท้จริงของสหรัฐฯก็จะยังอ่อนตัวแต่อาจช่วยบรรเทาการติดลบให้น้อยลงได้

· เดกซาเมทาโซน สเตียรอยด์ที่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษระบุช่วยผู้ป่วยหนักจากไวรัสโคโรนา

ผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษ ระบุ ยาสเตียรอยด์ เดกซาเมทาโซน ซึ่งราคาถูกและหาได้ทั่วไปสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยหนักจากไวรัสโคโรนาได้

ยาตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "ทดลองการรักษา" (The Recovery Trial) อังกฤษที่ถือเป็นการทดลองขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยการสุ่มหาว่าวิธีรักษาต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วสามารถช่วยผู้ป่วย COVID-19 ได้หรือไม่

เดกซาเมทาโซน ลดความเสี่ยงเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจถึง 1 ใน 3 และช่วยผู้ป่วยที่ต้องใช้ออกซิเจนช่วยหายใจถึง 1 ใน 5

นักวิจัยระบุว่า หากใช้ยานี้ในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ก่อนหน้านี้ อาจช่วยรักษาชีวิตคนได้ถึง 5,000 ราย และอาจเป็นประโยชน์สำหรับประเทศที่ยากจนซึ่งมีจำนวนผู้ป่วย COVID-19 สูง

ผลการศึกษาพบว่า 19 ใน 20 ของผู้ป่วยที่ใช้ยานี้หายจาก COVID-19 โดยไม่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล

· สหรัฐฯจำกัดการสนับสนุนผู้พัฒนาวัคซีน COVID-19 จำนวน 7 ราย คาดจะสามารถแจกฟรีสำหรับหลายๆคน

รายงานจากกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ในสหรัฐฯ (HHS) กล่าวว่า ทีมบริหารของนายทรัมป์ มีความตั้งใจที่จะจำกัดการสนับสนุนเฉพาะบริษัททดลองวัคซีนจำนวน 7 แห่งจาก 14 แห่ง

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่า พวกเขามีความหวังว่าวัคซีนจะสามารถแจกให้แก่ชาวสหรัฐฯได้ โดยไม่เสียค่าบริการใดๆสำหรับประชาชนที่ไม่มีเงินเพียงพอ ทางภาครัฐจะมอบให้ฟรีเมื่อเริ่มมีการวางจำหน่าย ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในเดือนม.ค.นี้

· ถ้อยแถลงประธานเฟดยังย้ำถึงความไม่แน่นอนในการฟื้นตัว และความเสี่ยงในภาคธุรกิจขนาดเล็ก

นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวเตือนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อภาคธุรกิจขนาดเล็ก, บุคคลรายได้น้อยและคนชนชั้นล่าง

โดยในการกล่าวถ้อยแถลงวันแรกต่อหน้าคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐฯ พบว่า แม้จะเห็นสัญญาณบางส่วนที่สะท้อนถึงการฟื้นตัว แต่ก็ดูจะใช้เวลาค่อนข้างยาวนานในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ จำนวนการผลิตและการจ้างานยังถือว่าอยู่ต่ำกว่าช่วงก่อนการเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนา รวมทั้งยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกรอบเวลาและการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ขณะที่การใช้มาตรการต่างๆมีประสิทธิผลในการควบคุมได้ แต่ตราบที่ความเชื่อมั่นของประชาชนยังคงน้อย การฟื้นตัวเต็มรูปแบบก็ไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น

สำนักงานสถิติทางเศรษฐกิจ ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่เดือนก.พ. ก่อนที่องค์การอนามัยโลกจะประกาศว่าไวรัสโคโรนาเป็นการระบาดระดับโลก และสิ่งที่ตามมาคือเราได้เห็นการตกงานอย่างรุนแรงในเดือนมี.ค.และเม.ย. แม้ว่าจะเห็นการกลับมาจ้างงานอย่างมากในเดือนพ.ค และความแข็งแกร่งของยอดค้าปลีกหรือแม้แต่ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม

นอกจากนี้ นายโพเวลล์ยังระบุว่า ถึงแม้ว่าจะมีการใช้นโยบายรับมือที่แข็งแกร่ง แต่หลายๆพื้นที่ในสหรัฐฯก็ดูจะสร้างความกังวลมากขึ้น และนโยบายของเฟดในตอนนี้มีความท้าทายสำหรับกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ดังนั้น หากภาคธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็อาจก่อให้เกิดการฟื้นตัวที่ช้าตาม และจะทำให้เราเสียการเติบโตในทางธุรกิจ ซึ่งต้องยอมรับว่าภาคธุรกิจต่างๆถือเป็นหัวใจสำคัญทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ

· รายงานยอดติดเชื้อใหม่ในหรัฐฯยังคงเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ ล่าสุดพบอีก 6 รัฐ ในช่วงเร่งเปิดทำการ

จำนวนยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารอบใหม่ในสหรัฐฯพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ในอีก 6 รัฐฯ จึงยิ่งทำให้เกิดความกังวลต่อการระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ ท่ามกลางหลายพื้นที่ในสหรัฐฯที่กลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจอีกครั้ง

เมื่อวานี้ พบว่า รัฐแอริโซนา, ฟอลริด้า, โอกลาฮามา, โอเรกอน และเท็กซัส มียอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ทำระดับ All-Time High มาตลอดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่รายงานล่าสุดในรัฐเนวาดาก็ยังมียอดรายวันที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด ท่ามกลางข้อมูลในสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้นเป็นระดับประวัติการณ์เช่นกัน

· ไอเอ็มเอฟหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจ พร้อมกล่าวเตือนว่าวิกฤตที่เกิดจะไม่เหมือนดงที่แล้วมา

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก IMF กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณหดตัว ท่ามกลางประเทศต่างๆในแถบยุโรปนับตั้งแต่ที่มีการใช้ Lockdown ตั้งแต่สัปดาห์แรกก็ดูจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตทางการเงินที่เลวร้ายมากที่สุดตั้งแต่ยุคถดถอยปี 1930 จึงคาดว่าปีนี้จะเห็นเศรษฐกิจโลกหดตัวลงประมาณ -3%

แม้ว่าประเทศเศรษฐกิจบางแห่งจะกลับมาเปิดทำการ แต่ไอเอ็มเอฟก็ยังคงกล่าวเตือนว่าการปรับตัวลดลงทางเศรษฐกิจก็อาจเลวร้ายกว่าที่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้วหรือกลุ่มตลาดเกิดใหม่ต่างก็มีแนวโมจะเผชิญภาวะถดถอยในปนี้ได้ ที่ดูจรุนแรงกว่าวิกฤตการเงินที่เคยเกิดขึ้นในยุคของ Great Depression

ล่าสุดพบว่ามีประชาชนทั่วโลกกว่า 8 ล้านรายที่ติดเชื้อจาการรแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ, บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย และอังกฤษ ต่างก็เป็น 5 อันดับแรกของโลกที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับสูง

· ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 3 จากการปรับลดอุปทาน และคาดหวังอุปสงค์ฟื้น

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยน้ำมันดิบ Brent สามารถปรับขึ้นได้เนหือ 40 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ IEA มีการเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ และการปรับลดอุปทานน้ำมันจะร่วงลงทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 1.2 เหรียญ หรือคิดเป็น +3% ที่ 40.92 เหรียญ/บาร์เรล ด้านน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 1.26 เหรียญ หรือ +3.39% ที่ระดับ 38.38 เหรียญ/บาร์เรล

เมื่อวานนี้ IEA คาดว่าอุปสงค์ฯมันโลกปีนี้จะเพิ่มขึ้นแตะ 91.7 ล้านบาร์เรล โดยเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 500,000 บาร์เรล/วัน จึงตอกย้ำว่าอาจเห็นการอุปโภคบริโภคน้ำมันมีเพิ่มขึ้นหลังคลาย Lockdown

อย่างไรก็ดี ทาง IEA ยังมีการกล่าวเตือนว่า ผลกระทบของไวรัสโคโรนาจะไม่สามารถทำให้ทิศทางเศรษฐกิจโลกกลับไปยังช่วงก่อนเกิดการระบาดในช่วงปีก่อน 2020 ได้

อุปทานน้ำมันดิบในเดือนพ.ค. พบว่าปรับตัวลดลงไป 12 ล้าบาร์เรล/วัน จากการร่วมมือกันของบรรดา OPEC+ ในการลดกำลังการผลิตของพวกเขามากถึง 9.4 ล้านบาร์เรล/วัน

· เกาหลีเหนือปฏิเสธข้อเสนอทางการทูตจากเกาหลีใต้ ลั่นจะส่งทหารตรึงกำลังแนวพรมแดน

รายงานล่าสุด ระบุว่า ทางเกาหลีเหนือปฏิเสธข้อเสนอในการเจรจาทางการทูตพิเศษจากทางเกาหลีใต้ และพร้อมที่จะส่งกำลังทหารตรึงแนวบริเวณชายแดนเขตปลอดทหารที่เป็นบริเวณของข้อตกลงสนธิสัญญาสันติภาพเกาหลี


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com