• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2563

    16 มิถุนายน 2563 | Economic News
 

· ดอลลาร์ถูกกดดันท่ามกลางมุมมองที่สดใสต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ขณะที่ค่าเงินสินทรัพย์เสี่ยงมีการปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางเฟดที่จะเริ่มเข้าซื้อหุ้นกู้ในวันนี้ ขณะที่มีรายงานความเป็นไปได้ที่จะเห็นการสนับสนุนทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่จะมาช่วยหนุนความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุน

ทางด้านนักลงทุนขานรับกับรายงานของ Bloomberg News ที่ชี้ว่า ทีมบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการพิจารณาเม็ดเงินเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญสำหรับงบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อหนุนเศรษฐกิจ

ค่าเงินดอลลาร์ยังทรงตัวที่ 96.489 จุด แต่ยังคงต่ำกว่าระดับสุงสุดวันจันทร์ประมาณ 1% ที่ระดับราว 97.39 จุด

นอกจากนี้ ตลาดการเงินยังให้ความสนใจกับการแถลงการณ์ของประธานเฟดต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของวฺุฒิสภาในคืนนี้ เกี่ยวกับมุมมองทางเศรษฐกิจ และการระบาดของไวรัสโคโรนา

ความกังวลเกี่ยวกับความเสียหายทางเศรษฐกิจและการระบาดระลอกใหม่ดูจะสร้างแรงเทขายมากขึ้นให้แก่สินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ตั้งแต่วานนี้

ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าแตะ 1077.44 เยน/ดอลลาร์ โดยมีการปิดตัวในกรอบที่ทรงตัวได้ตั้งแต่เม.ย. จึงยังบ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงมีท่าทีระมัดระวังต่อการลงทุน

ในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประกาศข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษที่อาจเป็นตัวบ่งชี้ต่อทิศทางการตัดสินใจของบีโออีในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งเหล่าเทรดเดอร์คาดว่าจะเห็นการขยายเวลาเข้าซื้อพันธบัตรไว้ที่ 1 แสนล้านปอนด์ ( 1.26 แสนล้านเหรียญ)

· วิเคราะห์ค่าเงินเยน ยืนเหนือ 107.5 เยน/ดอลลาร์ท่ามกลางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ-บีโอเจ

FXStreet วิเคราะห์ว่า ค่าเงินเยนอ่อนค่าเหนือ 107.5 เยน/ดอลลาร์ หลังการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นในเอเชียที่ได้รับแรงหนุนจากการที่สหรัฐฯจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มในแผนค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านเหรียญ ขณะที่บีโอเจมีการเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนตลาด

ค่าเงินเยนระยะสั้นดูจะทรงตัวในกรอบ ขณะที่สัญญาณ RSI ทรงตัวเหนือ 47 จุด แต่ราคาก็ยังคงปราศจากสัญญาณที่แข็งแกร่ง ซึ่งหากเงินเยนไม่ผ่านแนวต้าน 107.8 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci 38.2% ก็จะมีโอกาสกลับเป็นทิศทางแข็งค่า

แนวต้าน: 107.8 108.2 108.5

แนวรับ: 106.95 106.6 106.25

· เซี่ยงไฮ้สั่งกักตัวผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงระดับสูงของ Covid-19

ผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการด้านสุขภาพของเซี่ยงไฮ้ เผยว่า ทางเซี่ยงไฮ้จะสั่งประชาชนทุกคนที่เดินทางจากกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ความเสี่ยงระดับสูงในจีน โดยใช้เวลากักตัวเป็นเวลา 14 วัน ท่ามกลางความกังวลว่าอาจะเกิดการระบาดรอบที่ 2 ได้อีกครั้ง

· จีนรายงานพบยอดผู้ติดเชื้อใหม่ 40 ราย ขณะที่กรุงปักกิ่งพบเพิ่ม 27 ราย

หน่วยงานด้านสุขภาพแห่งชาติจีน เผยรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 40 ราย ลดลงจากวันก่อนที่เพิ่มขึ้น 49 ราย

ขณะที่วันี้พบผู้ติดเชื้อในกรุงปักกิ่งอีก 27 ราย ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ติดเพิ่ม 36 ราย ขณะที่กรุงปักกิ่งดูจะเป็นเมืองที่เผชิญกับการระบาดของไวรัสโคโรนารอบใหม่ที่เชื่อกันว่ามีต้นเหตุมาจากตลาดซื้อขายที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่

· ศุกร์นี้! สิงคโปร์จะทำการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนา

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สิงคโปร์จะทำการอนุญาตให้มีการรวมกลุ่มขนาดเล็กและให้ร้านค้าและภัตตาคารกลับมาเปิดทำการในวันที่ 19 มิ.ย. หรือวันศุกร์นี้ โดยจะทำการอนุญาตให้สามารถรวมกลุ่มกันได้ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ท่ามกลางกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่กลับมาทำการหลังจากที่ถูกบังคับปิดจากมาตรการ "Circuit Breaker" ตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สิงคโปร์ถือเป็นประเทศเดียวที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในเอเชีย โดยพบผู้ติดเชื้อสูงกว่า 40,000 ราย อันเนื่องจากการระบาดในกลุ่มผู้ที่อาศัยร่วมกันแรงงานต่างชาติ ขณะที่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาสิงคโปร์มีการอนุญาตให้โรงเรียนและภาคธุรกิจบางแห่งกลับมาเปิดทำการแล้ว

· การระบาดของไวรัสโคโรนาทั่วโลกพุ่งเกิน 8 ล้านราย ท่ามกลางกลุ่มลาตินอเมริกาที่ยังขยายวงกว้าง

ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกพุ่งขึ้นทะลุ 8 ล้านราย โดยพบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในเขตลาตินอเมริกาและจีนที่มีการระบาดรอบใหม่

รายงานผลรวมจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส พบ จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯก็เพิ่มขึ้น โดยยอดผู้ติดเชื้อสะสมล่าสุดทะลุ 2 ล้านราย หรือคิดเป็น 25% ของรายงานผู้ติดเชื้อทั่วโลก

อย่างไรก็ดี การระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแถบลาตินอเมริกา คิดเป็น 21% ของยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วโลก โดยจะเห็นได้จากยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในบราซิลพุ่งขึ้นมาอยู่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกแล้วในเวลานี้

· จีนเพิ่มมาตรการควบคุม ยั้งการระบาดของไวรัสโคโรนา

เจ้าหน้าที่จีนมีการประกาศเพิ่มมาตรการจำกัดการยับยั้งการระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งใหม่ที่ใจกลางเมืองของประเทศจีน จึงส่งผลให้เกิดการแบนการเดินางเพื่อป้องกัน รวมทั้งการกักตัวผู้ต้องสงสัยที่เดินทางออกจากเมือง

เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่จีนเผยยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาเพิ่ม 27 รายเมื่อวานนี้ ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อใหม่ในจีนตอนนี้เพิ่มมที่ 106 ค่ะ

ซึ่งยอดล่าสุดถือเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อที่มากที่สุดนับตั้งแต่ก.พ. และจุดประกายให้เกิดความกังวล Second Wave ขณะที่การระบาดของไวรัสโคโรนาจากเมืองอู่ฮั่นที่เป็นที่แรกจนระบาดไปทั่วโลก ทำให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกสะสมล่าสุดอยู่ที่ 8 ล้านราย

· Bloomberg News ชี้ ทีมบริหารทรัมป์กำลังเตรียมแผนสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญ อันเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังได้ผลกระทบเชิงลบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

· คาดรายงานค้าปลีกรายเดืนอสหรัฐฯเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์

รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐฯมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค.จากการที่ชาวอเมริกากว่า 2.5 ล้านรายกลับเข้าทำงาน แม้ว่าตัวเลขการรีบาวน์จะออกมาดีขึ้นหลังจากที่เดือนมี.ค. และเม.ย.ร่วงลงเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่เกิดการ Lockdown ป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนา

โดยภาพรวมคาดยอดค้าปลีกสหรัฐฯที่จะถูกเปิดเผยจากกระทรวงพาณิชย์ คาดว่จะโตได้ราว 8.0% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นเป็นประวัติการณ์หลังจากที่เคยทำไว้ที่ 6.1% ในเดือนต.ค. ปี 2001 จากการที่ชาวสหรัฐฯกลับมาใช้จ่ายอีกครั้ง ดังที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเกิดเหตุโจมตีในสหรัฐฯเมื่อ วันที่ 11 เดือนก.ย. ปี 2001

อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายก็ให้ความสนใจับการรีบาวน์ เพราะจะช่วยพยุงการตกรายไตรมาสได้หลังจากที่ก่อนหน้าร่วงลงหนักติดต่อกัน 2 เดือน โดยในเดือนมี.ค. อยู่ที่ -8.3% และเดือนเม.ย. อยู่ที่ -16.4%

· กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชี้ บริษัทสหรัฐฯสามารถดำเนินการร่วมกับ Huawei เรื่องระบบ 5G และมาตรฐานอื่นๆได้

รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยืนยันรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์สที่ระบุว่า จะมีการแก้ไขกฎระเบียบของบริษัทสัญชาติสหรัฐฯที่ทำธุรกรรมร่วมกับบริษัท Huawei ของจีน ให้สามารถดำเนินงานร่วมกันได้ในการกำหนดมาตรฐานเครือข่าย 5G

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ และหน่วยงานต่างๆมีการลงนามเปล่ี่ยนแปลงกฎข้อบังคับ และกำลังรอคอยการเผยแพร่จากระบบทะเบียนหลัก (Federal Register) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงกฎดังกล่าวถูกยื่นส่งไปยังระบบทะเบียนหลักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และคาดน่าจะเห็นการเผยแพร่สู่สาธารณะในวันนี้

ทั้งนี้ นายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีกรทระทรวงพาณิชย์ ยืนยันถึงการดำเนินการดังกล่าวแก่สำนักข่าวรอยเตอร์สด้วยเช่นกัน

· บีโอเจคงนโยบาย พร้อมอัดฉีดเงินเพิ่ม 1 ล้านล้านเหรียญ

ประชุมบีโอเจในวันนี้ ผลประชุมยังคงนโยบายตามเดิม พร้อมมีมุมมองต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่จะค่อยๆฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังได้รับความเสียหายจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ บีโอเจมีมติ 8-1 ในการคงดอกเบี้ยระยะสั้นที่ -0.1% และ อัตราผลตอบแทนพันธฐัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่ทรงตัว 0%

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆจากกรอบการดำเนินนโยบายทางการเงินผ่านสถาบันการเงินต่างๆไปยังภาคบริษัทที่เผชิญกับยอดขายดิ่งลงในช่วงการระบาด

นอกจากนี้ บีโอเจยังคาดว่าจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินราว 110 ล้านล้านเยนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการจัดการตลาด และการกู้เพื่อต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโคโรนา

· KCNA เผย กองทัพเกาหลีเหนือพร้อมดำเนินการกับผู้โปรยใบปลิวของเกาหลีใต้

รายงานจากสำนักข่าว KCNA ชี้ว่า กองกำลังของเกาหลีเหนือพร้อมจะดำเนินการหากกลุ่มผู้ไม่หวังดีในการปล่อยใบปลิวเข้าสู่ประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งสารดังกล่าวถือเป็นการเตือนล่าสุดในการใช้มาตรการตอบโต้จากทางฝั่งเกาหลีเหนือ

หน่วยงาน KPA กล่าวว่า กำลังทำการศึกษาแนวทางการดำเนินการในพื้นที่เขตปลอดทหารภายใต้สนธิสัญญาข้อตกลงเกาหลีที่ทำไว้ในปี 2008 รวมทั้งการเปิดแนวหน้าให้เป็นป้อมปราการ

· ONS กล่าวว่า ยอดจ้างงานอังกฤษดิ่งลงในเดือนพ.ค. ประมาณ 1.7% จากเหตุการ Lockdown อย่างต่อเนื่อง ที่ส่งผลกระทบต่อตาดแรงงาน ขณะที่ยังไม่มีแววความคืบหน้าวัคซีน

ด้านอัตราว่างงานอังกฤษทรงตัวที่3.9% ตลอดช่วงไตรมาสที่ 2/2020 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ คาดอาจเห็นอัตราว่างงานพิ่มขึ้นแตะ 4.7% ได้

· หน่วยงาน SECO ระบุว่า เศรษฐกิจสวิสเซอร์แลนด์จะหดตัวลง -6.2% ในปีนี้ ซึ่งจะถือเป็นอัตราการเติบโตที่แย่ที่สุดในรอบกว่า 40 ปี ท่ามกลางประเทศที่เผชิญกับการระบาดของไวรัสโคโรนา

และการเติบโตทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะค่อยๆฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะการระบาดรอบที่ 2 ก็อาจไม่มีข้อจำกัดความรุนแรงเกิดขึ้นได้

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังพบยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้น ตอกย้ำความกังวลเรื่องอุปสงค์น้ำมัน แม้ว่าตลาดจะมีความหวังในเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันก็ตาม

น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 20 เซนต์ หรือ -0.5% ที่ 39.52 เหรียญ/บาร์เรล ด้านยอดน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 21 เซนต์ หรือ -0.6% ที่ระดับ 36.91 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่มีที่ปิดปรับขึ้นไป 2.4% วันก่อน

ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้นกว่า 8 ล้านรายทั่วโลก ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในลาติอเมริกาที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯและจีนกลับมาเปิดทำการ แต่บางส่วนไม่คิดว่าจะเห็นการกลับมา Lockdown อีกครั้งหลังจากที่ได้ใช้มาตรการดังกล่าวไปในช่วงเริ่มต้นปี

· IEA คาดอุปสงค์น้ำมันร่วงเป็นประวัติศาสตร์ปีนี้ ก่อนจะรับขึ้นได้ครั้งใหญ่ในปี 2021

IEA คาดอุปสงค์น้ำมันปีนี้จะร่วงลงมากที่สุดครั้งประวัติศาสตร์ แต่ก็น่าจะกลับขึ้นได้จากความมีเสถียรภาพในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 2/2020 อุปสงค์น้ำมันดูจะได้รับผลกระทบจากมาตรการ Lockdown เฉลีี่ยอยู่ที่ 17.8 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะถือเป็ฯระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าในปีนี้จะเห็นอุปสงค์น้ำมันต่อวันจะร่วงลงกว่า 8.1 ล้านบาร์เรล แต่ปีหน้าคาดจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน

นั่นหมายความว่า การปรับตัวลงของอุปสงค์น้ำมันจะมากที่สุดเป็นครั้งประวัติการณ์ ก่อนที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นได้ในปีหน้า ที่อาจเป็นปีที่มีความต้องการพลังงานมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ก็ว่าได้จากการที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาทำการตามปกติ

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com