• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 15 มิถุนายน 2563

    15 มิถุนายน 2563 | Economic News

· ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเทียบเงินเยน, ฟรังก์สวิส ท่ามกลางความต้องการค่าเงินกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงที่พุ่งขึ้น จากนักลงทุนหยุดเทขายทำกำไร

ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นอีกครั้งเมื่อเทียบกับค่าเงินกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเงินเยนและฟรังก์สวิส ท่ามกลางตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ฟื้นตัวกลับหลังดิ่งลงรายวันมากที่สุดในรอบ 3 เดือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์

ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ ขณะที่ตลาดให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย การหารือถึงกองทุนเงินเฟื้นฟูยุโรป, การเจรจา Brexit, การประชุมของบีโออี และธนาคารกลางสวีเดน ขณะที่เฟดจะมีการกล่าวรายงานครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐฯ ในคืนวันพรุ่งนี้เวลาประมาณ 21.00น. (ตามเวลาไทย)

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.6% ที่ 1.1228 ดอลลาร์/ยูโร โดยเป็นการอ่อนค่าลงจาก 1.1422 ดอลลาร์/ยูโร ที่เป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 3 เดือน ด้านดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.5% ที่ 97.33 จุด หลังจากที่ไปทำสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์

สำหรับค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจีดีพีอังกฤษหดตัวเป็นประวัติการณ์ที่ -20.4% ในเดือนมี.ค. ขณะที่กลุ่มนักลงทุนมีการพิจารณาข้อมูลต่างๆที่มีแนวโน้มว่าจะเข้าสู่จุดต่ำสุด พร้อมคาดน่าจะใช้เวลาค่อนข้างนานและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ค่าเงินปอนด์ปรับอ่อนค่าลง 0.9% ที่ 1.2487 ดอลลาร์/ปอนด์

อย่างไรก็ดี ดัชนีดอลลาร์ไม่ได้ตอบรับอะไรมากนักต่อข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อคืนวันศุกร์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลดัชนีราคานำเข้าหรือความเชื่อมั่นผู้บริโภค

· ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้น แม้ว่าการว่างงานจะยังคงไม่สดใส

รายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯปรับตัวขึ้นในช่วงต้นเดือนมิ.ย.นี้ ท่ามกลางภาคธุรกิจที่กลับมาเปิดทำการ ประกอบกับการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาด แต่พวกเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากยังมีความกังวลต่อการกลับมาติดเชื้อไวรัสระลอกใหม่

ผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนพว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นแตะ 78.9 จุด จากระดับ 72.3 จุดในเดือนพ.ค.

· “โพเวลล์” ให้คำมั่นต่อการกลับมาแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน

ในคืนวันศุกร์ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวย้ำในการให้คำมั่นว่าจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ในการทำให้ตลาดแรงงานกลับมาแข็งแกร่งให้ได้เช่นเดียวกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตไวรัสโคโรนา โดยเฉพาะผลกระทบต่อคนกลุ่มล่างและคนยากจน

· ทำเนียบขาวเผย “ทรัมป์” เปิดกว้างต่อแพ็คเกจช่วยเหลืออื่นๆ

โฆษกทำเนียบขาว เผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการเปิดกว้างต่อแพ็คเกจช่วยเหลือทางเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับการระบาดของไวรัสโคโรนา รวมทั้งนโยบายงดเว้นภาษีเงินเดือน เนื่องจากจะเป็นการส่งผลโดยตรงต่อกลุ่มคนรายได้น้อย

· เจ้าหน้าที่อียูจะผ่อนคลายกฎการช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดเล็กและบริษัทที่เริ่มกลับมาเปิดทำการ

เจ้าหน้าที่อียูมีแผนที่จะผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้ง่ายขึ้นสำหรับนักลงทุนในภาคเอกชน ร่วมกับการดำเนินการของรัฐบาลอียูต่างๆในการช่วยเหลือบริษัทที่เริ่มกลับมาทำการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา และภาคธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงอนุมัติการช่วยเหลือแก่ภาคบริษัทที่ประสบปัญหาการชะลอตัวก่อนช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา

คณะกรรมาธิการอียู กล่าวว่า จะทำการแก้ไขกฎระเบียบในการอนุญาตนักลงทุนภาคเอกชน เพื่อเข้ามาช่วยเหลือการกลับมาเพิ่มเม็ดเงินให้แก่ภาคบริษัทขนาดเล็กต่างๆ ประกอบด้วยการเพิ่มการถือครองเงินลงทุน

· ความเสี่ยงเกี่ยวกับ New Lockdown เพิ่มขึ้น จากความกังวล Second Wave

รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า ความกังวลเกี่ยวกับ Second Wave ได้ส่งผลให้ตลาดซื้อขายอาหารรายใหญ่ 6 แห่งในจีนต้องปิดทำการลงชั่วคราว ขณะที่อินเดียที่กลับมาเปิดทำการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบอัตราการติดเชื้อรายวันที่เพิ่มมากขึ้น ทางด้านสหรัฐฯพบว่าโรงพยาบาลในหลายๆรัฐรายงานถึงเตียงผู้ป่วยเต็มจำนวนอย่างรวดเร็วในช่วงกลับมาเปิดทำการ

ทั้งหมดนี้ ส่งผลเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขทั่วโลกแสดงความเป็นกังวลว่าในอีกไม่กี่วันนี้บางประเทศที่มีการผ่อนคลาย Lockdown เร็วเกินไปจะเกิดความเสียหายางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ รวมทั้งอาจเห็นการกลับมาระบาดระลอกสองของไวรัสโคโรนา ท่ามกลางเหตุประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติที่เกิดขึ้นโดยทั่ว

· ยอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ โรงพยบาลในสหรัฐฯไม่เพียงพอต่อคนไข้

ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารอบใหม่ ประกอบกับจำนวนผู่ปวยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสหรัฐฯ อันรวมถึงรัฐใหญ่ๆอย่างฟลอริด้า และเท็กซัส ที่เพิ่งกลับมาเปิดทำการ มีผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็วในช่วงเวลาเพียง 3 วัน ได้แก่ รัฐอลาสก้า, แอริโซนา, อาร์คันซัส, แคลิฟอร์เนีย, นอร์ธแคโรไลนา, โอกลาโฮมา และรัฐแคโรไลนาตอนใต้

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่าเป็นผลมาจากการรวมตัวกันของประชาชนในช่วงวันหยุด Memorial Day ในช่วงปลายเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา

· WHO เตือนไวรัสโคโรนากระทบต่อสหรัฐฯในระดับรุนแรง

รายงานจากองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ระบุว่า สหรัฐฯกำลังเผชิญกับผลกระทบขาลงจากการระบาดของไวรัสโคโรนา และไม่ว่าจะฝั่งทางตอนเหนือหรือตอนใต้ของสหรัฐฯในปัจจุบันก็ถือเป็น 4 ใน 10 ของประเทศที่ได้รับผลกระทบที่ย่ำแย่ที่สุดในโลก

การระบาดในศูนย์กลางสหรัฐฯ และทางตอนใต้ถือว่าอยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกับพื้นที่ในบราซิลและเม็กซิโก โดยเฉพาะสถานการณ์ในบราซิลถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการระบาดมากที่สุดในเวลานี้

· จีนเพิ่มมาตรการไวรัสโคโรนาหลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในตลาดซื้อขายอาหาร

หลังจากเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาใหม่ ล่าสุดจีนพบผู้ติดเชื้อใหม่ประมาณ 12 รายในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับการเดินทางไปยังตลาดซื้อขายอาหาร จึงยิ่งกังวลเกี่ยวกับการกลับมาเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อครั้งใหม่

ขณะที่ภาครัฐฯกำลังพยายามที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดครั้งใหม่ ประกอบด้วยการทดสอบหาผู้ติดเชื้อ และการสั่งให้ภาคบริษัทต่างๆ มีการกักกันตัวเองเป็นระยะเวลา 14 วันสำหรับพนักงานในสถานประกอบการร้านค้าในตลาดต่างๆ รวมทั้งร้านอาหาร และร้านบะหมี่ในพื้นที่ก็การสั่งปิดชั่วคราวหลังจากที่พนักงาน 2 รายมีผลทดสอบเป็นบวก

· จีนเรียกร้องหลักฐานจากเจ้าหน้าที่อาวุโสสหรัฐฯกรณีไวรัสโคโรนา

ทางการจีนตอบกลับ นายริค สก็อต เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯในการแสดงหลักฐานให้การสนับสนุนข้อกล่าวหาที่ว่าจีนพยายามที่จะบ่อนทำลายหรือยับยั้งการพัฒนาวัคซีนไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ นายสก็อตปฏิเสธที่จะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับหลักฐานที่พบระหว่างให้สัมภาษณ์กับทางบีบีซีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่กล่าวว่ามีข้อมูลจากหน่วยข่าวกรอง

· ทรัมป์กล่าวว่าจะไปทำอย่างอื่นหากแพ้เลือกตั้งปีนี้

นายโดนัดล์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าจะไปทำอย่างอื่นหากสูญเสียคะแนนเสียงการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.นี้ หลังจากที่ นายโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า พรรครีพับลิกันอาจมีการโกงและไม่ยอมก้าวออกจากทำเนียบขาว

อย่างไรก็ดี ในเวลานี้ ดูเหมือนนายไบเดนจะมีคะแนนนิยมนำนายทรัมป์ แต่ก็กลัวว่านายทรัมป์น่าจะพยายามทำการซื้อเสียงเลือกตั้

· ราคาน้ำมันดิบปิดรายสัปดาห์ที่แย่ที่สุดตั้งแต่เดือนเม.ย.

ราคาน้ำมันดิบคืนวันศุกร์เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย และทำให้สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกที่ปรับตัวลดลงแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. จากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโคโรนา ที่จะเป็นอุปสรรคต่ออุปสงค์น้ำมัน

น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวลง 8 เซนต์ ที่ระดับ 36.26 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 18 เซนต์ ที่ 38.73 เหรียญ/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงประมาณ 8% ในสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 6 สัปดาห์ที่ราคาปรับตัวลดลง

· เกาหลีเหนือเตือนการตอบโต้กลุ่มผู้แปรพักตร์ในเกาหลีใต้

น้องสาวของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวเตือนจะใช้มาตรการตอบโต้เกาเหลีใต้ที่อาจมีการเกี่ยวเนื่องกับกำลังทหาร พร้อมเตือนให้เกาหลีใต้หยุดเอ่ยถึงเรื่องการเจรจายุติปัญหานิวเคลียร์กับสหรัฐที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า

ช่วงนี้เกาหลีใต้ถูกเกาหลีเหนือวิจารณ์หนักหลังจากปล่อยให้ชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์ปล่อยบอลลูนใบปลิววิพากษ์วิจารณ์คิมจองอึนเข้าไปในฝั่งเกาหลีเหนือ

อย่างไรก็ดี หลังทราบคำเตือนล่าสุด ทางเกาหลีใต้กล่าวว่าเกาหลีเหนือควรเคารพข้อตกลงที่ลงนามกันไว้ระหว่าง 2 ประเทศ 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com