• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 11 มิถุนายน 2563

    11 มิถุนายน 2563 | Economic News
 

· ดอลลาร์รีบาวน์หลังนักลงทุนทราบผลประชุมเฟด

ค่าเงินดอลลาร์รีบาวน์กลับเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก ขณะที่เมื่อเทียบเงินเยนดอลลาร์รปรับแข็งค่าไปทำสูงสุดรอบ 1 เดือน หลังทราบผลประชุมเฟด

ค่าเงินดอลลาร์มีแรงซื้อกลับหลังเผชิญแรงขายทำกำไรจากท่าทีของเฟดเมื่อคืนนี้ ที่ยังคงคาดว่าจะตรึงดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไปอีกหลายปี โดยดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นมาที่ 96.437 จุด ขณะที่ค่าเงินปอนด์ปรับลง 0.6% ที่ 1.2666 ดอลลาร์/ปอนด์

สำหรับค่าเงินยูโรที่ปรับแข็งค่าไปทำสูงสุดรอบ 3 เดือนวานนี้ กลับปรับอ่อนค่าลงมา 0.4% และมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการอ่อนค่าลงมาต่อจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยล่าสุดเงินยูโรอยู่ที่ 1.1333 ดอลลาร์/ยูโร

สำหรับคืนนี้ตลาดจับตาข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในคืนนี้เวลา 19.30น.

· อัตราว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯมีแนวโน้มจะปรับตัวลง แต่จำนวนว่างงานจะยังอยู่ระดับล้าน

จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯมีแนวโน้มจะยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯอาจใช้ระยะเวลาหลายปีในการฟื้นตัวจากการระบาดในครั้งนี้ แม้ว่าภาคธุรกิจจะกลับมาเปิดทำการก็ตาม

ในคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะทำการเปิดเผย รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ หลังจากที่ข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯในคืนวันศุกร์สร้างเซอร์ไพร์สตลาดด้วยการจ้างงานที่กลับมาเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค.

เมื่อคืนนี้เฟดมีการส่งสัญญาณถึงการจะใช้ระยะเวลาหลายปีในการสนับสนุนเศรษฐกิจ ขณะที่สมาชิกเฟดคาดว่าอัตราว่างงานน่าจะอยู่ที่ 9.3% ในช่วงสิ้นปีนี้ ขณะที่อัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.5% ในเดือนก.พ. มาอยู่ที่ 13.3% ในเดือนพ.ค.

จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานใหม่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1.55 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยจะลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1.877 ล้านราย แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็อาจจะยังคงเพิ่มสูงกว่าเท่าตัวในช่วงเกิดภาวะถดถอยเมื่อปี 2007 – 2009 ซึ่งจะเป็นการลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อช่วงปลายเดือนมี.ค.ที่ 6.867 ล้านราย

อย่างไรก็ดี ภาพรวมการขอรับสวัสดิการว่างงานก็ดูจะยังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวมากกว่าที่เคยเกิดขึ้นในยุคภาวะถดถอยเมื่อปี 2007 – 2009

· เจ้าหน้าที่จากฝรั่งเศส ชี้ อียูต้องบรรลุข้อตกลงแฟนกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ได้ในก.ค.นี้

รัฐมนตรีกรมยุโรป (French Junior European Affairs Minister) ระบุว่า อียูต้องบรรลุข้อตกลงแผนกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจของยุโรปวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโรให้ได้ภายในเดือนก.ค.นี้ เพื่อจัดการกับผลกระทบของวิกฤตไวรัสโคโรนา เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น และไม่ควรใช้แผนอื่นที่อาจจะนำมาซึ่งปัญหา

· รัฐมนตรีฝรั่งเศสหวังว่าภาคอุตสาหกรรมรถยนต์จะกลับมาฟื้นตัวในเดือนมิ.ย., ก.ค.

นายบรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสควรเร่งทยอยการการกลับมาเปิดทำการในภาคธุรกิจ เพื่อพลิกเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะ Lockdown ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจฝรั่งเศสปีนี้ คาดหดตัว -11%

อย่างไรก็ดี เขายังคาดหวังว่ากลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ดูจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตไวรัสโคโรนา แต่คาดจะเห็นรายงานการฟื้นตัวได้ในเดือนมิ.ย. และก.ค.

· ยอดขายรถยต์ในจีนปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่ดิ่งลงไปทำต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี

ยอดขายรถยนต์ในจีนประจำเดือนพ.ค. ปรับขึ้นแตะ 14.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยถือเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่ดิ่งหนักในช่วง Lockdown

และยังเป็นการปรับขึ้นต่อจากที่ขึ้นไปแล้ว 4.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากที่มี.ค. หดตัวลงไปอย่างหนัก -43% ท่ามกลางอุปสงค์ที่ดิ่งลงในระหว่างการระบาด แต่โดยรวมยอดขายในเดือนเม.ย. ก็ถือว่าได้รับผลกระทบมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี

· น้ำมันดิบลงต่อจากกังวลการฟื้นตัวของอุปสงค์ หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯพุ่งเป็นประวัติการณ์

วันนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงประมาณ 4% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันอันเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯยังคงทำ All-Time High อย่างต่อเนื่อง ด้านเฟดเองก็แสดงความเห็นที่ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากการระบาดนั้นจะใช้ระยะเวลาหลายปี

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับลง 3.4% หรือ 1.42 เหรียญ ที่ระดับ 40.31 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ WTI ปรับลงไป 4% หรือ 1.6 เหรียญ ที่ระดับ 38 เหรียญ/บาร์เรล

· ทรัมป์จะทำการกลับมาหาเสียงเลือกตั้งอีกครั้ง โดยมีแนวโน้มจะเริ่มต้นในรัฐโอกลาโฮมาที่แรก

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะเริ่มต้นกลับมาหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯอีกครั้ง โดยจะเริ่มที่แรกในเมืองทัลซ่า รัฐโอกลาโฮมา เพื่อเรียกคะแนนนิยมกลับคืนมา หลังจากที่ได้รับผลกระทบกับการรับมือของไวรัสโคโรนา และเหตุประท้วงต่อการกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อชาวผิวสี

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com