• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 10 มิถุนายน 2563

    10 มิถุนายน 2563 | Economic News

· สินทรัพย์ Safe-Haven อย่างค่าเงินเยน, สวิสฟรังก์สดใส ท่ามกลางตลาดหุ้นอ่อนตัว

ค่าเงินเยนและสวิสฟรังก์ในฐานะ Safe-Haven ปรับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงหลังจากที่ปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันก่อนหน้า ยกเว้นดัชนี Nasdaq ที่ทำ All-Time High ต่อเนื่อง จากการที่กลุ่มนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังต่อการประชุมเฟดในคืนนี้

ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นทำสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบค่าเงินดอลลาร์ ด้านสวิสฟรังก์ปรับแข็งค่ามากสุดในรอบกว่า 2 เดือนเมื่อเทียบดอลลาร์

ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าอีก 0.6% ที่ระดับ 107.75 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ลงไปทำต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 107.63 เยน/ดอลลาร์

ด้านยูโรกลับมาแข็งค่าอีกครั้งหลังจากที่อ่อนค่าไปในช่วงต้นตลาด โดยปิด +0.4% ที่ระดับ 1.1339 ดอลลาร์/ยูโร ในส่วนของดัชนีดอลลาร์อ่อนตัวลง 0.3% แตะ 96.334 จุด

กลุ่มนักลงทุนรอคอยการประกาศผลประชุมเฟดในช่วง 2 วันนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่คาดว่าการดำเนินนโยบายของเฟดอาจมีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายการเข้าซื้อพันธบัตร หรือมาตรการอื่นๆสำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว

ปอนด์เหนือ 1.27 ดอลลาร์/ปอนด์

ค่าเงินปอนด์ได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยสามารถกลับมายืนได้เหนือ 1.27 ดอลลาร์/ปอนด์ แต่กลับอ่อนค่าลง 0.5% เมื่อเทียบกับยูโร ท่ามกลางตลาดที่ให้ความสำคัญกับ Brexit

ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 3.1% ในเดือนนี้ และทิศทางแข็งค่ายิ่งชัดเจนขึ้นหลังราคายืนได้เหนือ 1.27 ดอลลาร์/ปอนด์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ท่ามกลางหลายๆประเทศที่ผ่อนคลาย Lockdown และทำให้อุปสงค์ในค่าเงิน Safe-Haven ฟื้นตัว แต่นักลงทุนก็ยังคงรอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอนุญาตเปิดทำการทางเศรษฐกิจอังกฤษ

· CME กลับมาเปิดตลาด Chicago ในสว่นซื้อขาย ยูโร/ดอลลาร์ ออพชัน 10 ส.ค.นี้

บริษัท CME Group ระบุว่า จะกลับมาเปิดให้บริการซื้อขาย Eurodollar Options ในวันที่ 10 ส.ค. นี้ ขณะที่บางส่วนที่ยังปิดให้บริการตั้งแต่ 13 มี.ค. ก็จะยังคงปิดอยู่จนกว่าจะมีการประกาศแผนการกลับมาเปิดทำการเฟส 5

· ตลาดสนใจแนวโน้มเศรษฐกิจจากประชุมเฟดคืนนี้

ในคืนนี้สมาชิกเฟดจะมีการเปิดเผยข้อมูลคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ดูจะฉุดให้เศรษฐกิจมีสัญญาณถดถอยตั้งแต่ในเดือนก.พ. ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่เคลื่อนไหวใกล้ระดับศูนย์ที่คาดว่าจะคงอยู่ต่อไปในอีกช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ คาดการณ์เศรษฐกิจของเฟดในคืนนี้ คาดว่าเจ้าหน้าที่เฟดจะมีการเผยมุมมองการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เป็นตัวบ่อนทำลายการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์จากสถาบัน Nomura คาดว่า อาจเห็นเฟดเปลี่ยนแปลงคาดการณ์เล็กน้อย จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่มีเป้าหมายเติบโตระยะยาวที่ 1.9% และอัตราว่างงานระยะยาวที่ 4.1% ซึ่งสองตัวนี้จะเป็นตัวหลักที่ถูกเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ เฟดน่าจะย้ำถึงความสำคัญในเรื่องยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก

· เฟดมีกำหนดการเปิดเผยผล “Stress Test” สำหรับภาคธนาคารประจำปีในวันที่ 25 มิ.ย.

เฟดเผยว่าจะทำการรายงานผลทดสอบประจำปีของภาคธนาคารหรือ “Stress Test” ในวันที่ 25 มิ.ย. ซึ่งผลในปีนี้จะประกอบไปด้วยการทดสอบการรับมือทางเศรษฐกิจที่เป็นผลมาจากภาวะ Lockdown เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัสโคโรนาด้วย

· ผู้เชี่ยวชาญตลาดแรงงานชี้ข้อมูลอัตราว่างงานไม่สดใส

รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุถึงข้อสันนิษฐานที่ว่า ข้อมูลอัตราว่างงานเป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่ทางทีมบริหารของนายทรัมป์จัดทำขึ้นเพื่อให้เข้าใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการฟื้นตัว จึงทำให้บรรดานักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดแรงงานออกมาประณามการกระทำดังกล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวไม่มีมูลความจริงและไร้ซึ่งประสิทธิภาพ

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์จ เมสัน ระบุว่า ไม่มีนักเศรษฐศาสตร์คนใดเชื่อว่าจำนวนตัวเลขที่เปิดเผยออกมานั้นถูกต้อง หลังจากที่สำนักสถิติแรงงานเผยอัตราว่างานนั้นอยู่ที่ระดับ 13.3% ในคืนวันศุกร์ ซึ่งลดลงจากเดือนเม.ย. ที่ระดับ 14.7%



ทั้งนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าข้อมูลที่ถูกต้องควรใกล้ระดับ 20% จากจำนวนประชาชนนับล้านที่ยังคงทำการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

อดีตผู้ว่าการรัฐเวอร์มอนท์ หนึ่งในผู้ลงสมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2004 กล่าวว่า ทรัมป์ให้ข้อมูลบิดเบือน และอัตราว่างงานแท้จริงควรจะอยู่ที่ 17-19% ไม่ใช่ 13%

ขณะที่สำนักงานสถิติตลาดแรงงานหรือ BLS ออกมายอมรับว่า รายงานมีความผิดพลาดและจริงๆแล้วอัตราว่างงานนั้นมีแนวโน้มจะสูงกว่า 16%

· WSJ รายงานว่า ทรัมป์ยั้งการปลดรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงเหตุค้านการตอบโต้กลุ่มผู้ประท้วง

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกือบทำการปลดรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเหตุเห็นต่างกับวิธีการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม ก่อนจะยกเลิกแนวทางดังกล่าวจากการหารือร่วมกับบรรดาผู้นำด้านต่างๆของทีมบริหารในทำเนียบขาว

· น้ำมันดิบปิดพุ่ง 2% เหตุมองเชิงบวกด้านปรับลดอุปทานน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้น ท่ามกลางเหล่าเทรดเดอร์ที่กังวลเกี่ยวกับการกลับมาพบยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาหลังคลาย Lockdown จึงบดบังข่าวเกี่ยวกับการจำกัดการผลิตน้ำมันของบรรดา OPEC+ ล่าสุด

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 27 เซนต์ หรือ +0.66% ที่ 41.11 เหรียญ/บาร์เรล ด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 75 เซนต์ หรือ +1.96% ที่ 38.94 เหรียญ/บาร์เรล

นักวิเคราะห์มองว่า ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นไปสูงกว่า 40 เหรียญ/บาร์เรลนั้น ยังมาจากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการอุปโภคบริโภคที่จะฟื้นตัวขึ้นหลังคลาย Lockdown


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com