· ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดอลลาร์แข็งค่าขึ้นท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่จับตาสัญญาณบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีน และการคลายตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีน จึงทำให้เราเห็นค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์พุ่งขึ้นกว่า 1% ทำสูงสุดรอบ 3 เดือนที่ 0.6742 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆเกี่ยวกับมาตรการการขึ้นภาษีจีนในวันศุกร์ มีเพียงถอดถอนสถานะพิเศษฮ่องกงเท่านั้น
ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมา 0.2% ที่ 98.031 จุดใกล้กับต่ำสุดรอบ 11 สัปดาห์ที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้วบริเวณ 97.944 จุด
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ 1.1135 ดอลลาร์/ยูโร โดยยังอยู่ต่ำกว่าสูงสุดรอบ 2 เดือนที่ 1.1145 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังอียูเผยแผนกองทุนฟื้นฟูจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา
ค่าเงินปอนด์แข็งค่าทำสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ 1.2414 ดอลลาร์/ปอนด์ ท่ามกลางอังกฤษที่เริ่มคลาย Lockdown ด้านเงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ 7.1996 หยวน/ดอลลาร์ หลังท่าทีตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนบรรเทาลง
· การระบาดของไวรัสโคโรนาจะส่งผลให้เศรษฐกิจออสเตรเลียหดตัวลงในไตรมาสแรก โดยคาดว่าจะเป็นการเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวลงประมาณ 0.3% หรือคิดเป็นมูลค่า 2 ล้านล้านเหรียญ ในช่วงไตรมาสแรกที่ถือเป็นการปรับตัวลงในรอบ 9 ปี
ภาพรวมรายปีมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงแตะ 1.4% จากระดับ 2.2% ในปี 2019 และหากเศรษฐกิจหดตัวลงต่อในช่วงเดือนมี.ค. และมิ.ย. ก็อาจเห็นเศรษฐกิจออสเตรเลียในทางเทคนิคเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 1990
· กิจกรรมภาคโรงงานเอเชียได้รับผลกระทบเชิงลึกในเดือนพ.ค. ท่ามกลางการค้าโลกที่ดิ่งลงจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยอดส่งออกสินค้าไปยังญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้รับผลกระทบมากที่สุดในรอบกว่า 10 ปี
ดัชนี Caixin/Markit เผยดัชนี PMI ภาคการผลิต หดตัวลงแตะ 50.7 จุด ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนม.ค. หลังมีการคลาย Lockdown เพื่ออนุมัติให้บางบริษัทสามารถกลับเข้าทำงานและสั่งสินค้าได้
· สิงคโปร์หวังเปิดทำการทางเศรษฐกิจได้ 80% ในเดือนมิ.ย. ท่ามกลางการยกเลิกมาตรการ Lockdown
รัฐมนตรีกระทรวงการค้าสิงคโปร์คาดว่าเศรษฐกิจภายในประเทศเกือบทั้งหมดจะสามารถกลับมาเปิดทำการได้ในเดือน มิ.ย.
ทั้งนี้ ประเทศสิงคโปร์มีการใช้มาตรการ Lockdown มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเม.ย. เพื่อจำกัดการระบาดของไวรัส ที่ส่งผลให้เกิดการปิดทำการชั่วคราวสำหรับสถานศึกษา และสำนักงานบางสว่น โดยวันอังคารนี้มาตรการต่างๆ ก็จะถูกผ่อนปรนลง โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ
· ผลสำรวจภาคเอกชนจีนสะท้อนว่ากิจกรรมการผลิตจีนเดือนพ.ค. ขยายตัว
ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตจีนในเดือนพ.ค.ของภาคเอกชน พบว่ายัง ขยายตัวได้ดี โดย Caixin/Markit เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เติบโตที่ 50.7 จุดในเดือนพ.ค. ซึ่งการยืนอยู่เหนือ 50 จุดถือเป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งชี้ถึงการขยายตัว เพราะถ้าต่ำกว่าจะเป็นสัญญาณหดตัว
จากข้อมูลบ่งชี้ จะพบว่ากำลังการผลิตฟื้นตัวได้เร็วกว่าอุปสงค์ โดยอัตราการผลิตขยายตัวเร็วมากที่สุดตั้งแต่ปี 2011 ขณะที่อุปสงค์โดยองค์รวมเรื่องอุปสงค์ มีการชะลอตัวบ้างในเดือนพ.ค.
· กิจกรรมภาคการผลิตญี่ปุ่นพ.ค.หดตัวท่ามกลาง Lockdown กระทบอุปสงค์
กิจกรรมภาคการผลิตญี่ปุ่นเดือนพ.ค. หดตัวลงอย่างรวดเร็วมากที่สุดตั้งแต่มี.ค. ปี 2009 โดยกลุ่มผู้ผลิตต่างได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา จึงส่งผลให้ดัชนี PMI ร่วงลงแตะ 38.4 จุด จาก 41.9 จุดในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระดับที่แย่ที่สุดตั้งแต่ปี 2009
· ญี่ปุ่นกำลังพิจารณากลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยว
สื่อญี่ปุ่นเผยว่ากำลังพิจารณาที่จะเปิดพรมแดนการเดินทางจากบางประเทศหลังอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนาเริ่มลดลงและมีการเริ่มใช้มาตรการคลาย Lockdown
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นจะกลับมาเปิดในส่วนของสถานศึกษา, คลับด้านสุขภาพ, โรงภาพยนตร์ และห้างร้านบางแห่งภายในกรุงโตเกียววันนี้ พร้อมมีแผนอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากประเทศไทย, เวียดนาม, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ สามารถเดินทางกลับเข้าประเทศได้ในเดือนหน้า
แต่ก็ยังไม่มีรายงานยืนยันจากทางรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ ภาพรวมประเทศญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อ 17,000 ราย และเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 900 ราย
· ญี่ปุ่นกังวลว่าสถานการณ์ในฮ่องกงจะแย่ลงกว่านี้
นายโยชิดะ ซึกะ หัวหน้าคณะรัฐมนตรี กล่าวหลังจีนตัดสินใจเพิ่มกฎหมายฉบับใหม่ด้านความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกง โดยระบุว่า สถานการณ์ในฮ่องกงเป็นที่น่ากังวลอย่างมาก และเรื่องของเสถียรภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ
· ยอดส่งออกเกาหลีใต้ลดลงเป็นเดือนที่ 3 แต่ภาพรวมมีการชะลอตัว
ยอดส่งออกเกาหลีใต้ร่วงลงในเดือนพ.ค. ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แม้ว่าจะมีอัตราการปรับตัวลงที่ชะลอตัว ท่ามกลางทั่วโลกที่มีการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown มากขึ้น โดยยอดขนส่งทางเรือยังคงหดตัวที่ -23.7% เมื่อเทียบรายปีในเดือนพ.ค. โดยมีอัตราการติดลบที่ลดลงจาก -25.1% ในดือนเม.ย. แต่ก็ยังแย่กว่าคาดที่ระดับ -22.1%
· น้ำมันปรับขึ้นได้ก่อนประชุม OPEC+
ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ท่ามกลางตลาดที่รอการตัดสินใจของกลุ่ม OPEC ที่จะมีการประชุมในเร็วๆนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายการปรับลดกำลังการผลิตเป็นประวัติการณ์ออกไปต่อจากช่วงสิ้นเดือนมิ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบ Brent ทรงตัวที่ 37.84 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ WTI ขยับขึ้น 4 เซนต์ หรือ +0.1% บริเวณ 35.53 เหรียญ/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมาหลังจากสัญญาส่งมอบเดือนก่อนหน้าต่างปิดปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนพ.ค. โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวได้รับแรงสนับสนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกที่ปรับลงมากที่สุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ท่มกลางอุปสงค์ที่ถูกคาดว่าจะฟื้นตัวจากการที่นาประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown