* วันนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ *
แต่ช่วง 21.00น. ตามเวลาไทย จะมีการกล่าวถ้อยแถลงของ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ควบคู่กับ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือในสถานการณ์ไวรัสโคโรนา การเยียวยา และมาตรการป้องกันทางเศรษฐกิจก่อนจะเข้ากล่าวรายงานกับคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ รวมทั้งคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภายในประเทศ
· เมื่อวานนี้บริษัท Moderna Inc ซึ่งเป็นบริษัทในธุรกิจไบโอเทคของสหรัฐฯ แถลงว่า ผลการทดลองทางคลินิกในการฉีดวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 ได้ทำให้ร่างกายของอาสาสมัครสามารถผลิตแอนตีบอดีซึ่งสามารถฆ่าเชื้อไวรัสในผู้ป่วย COVID-19 จึงทำให้หุ้นบริษัทดังกล่าวเมื่อคืนนี้ปรับขึ้นไปกว่า 20%
ในการทดลองนี้ มีการใช้วัคซีนดังกล่าวกับผู้เข้าร่วมการทดลองหลายสิบคน และวัดปริมาณสารภูมิต้านทานในร่างกายของผู้เข้าร่วม 8 คน พบว่าทั้งหมดสร้างสารภูมิต้านทานชนิด ‘Neutralizing antibody’ (NA) สำหรับดักจับไวรัสตัวนี้ในระดับ เท่า หรือมากกว่า ระดับซึ่งพบในคนที่หายจากการติดเชื้อโควิด-19 ตามธรรมชาติ
ทั้งนี้ บริษัท Moderna เป็นหนึ่งในผู้นำการวิจัยพัฒนาวัคซีน COVID-19 ที่ได้รับการพิจาณาเร่งรัดขั้นตอนการอนุมัติจากหน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐฯ โดยบริษัทจะดำเนินการทดลองวัคซีนขั้นต่อไปในเดือน ก.ค.นี้
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นจากข่าวที่ว่าการทดสอบวัคซีนไวรัสโคโรนาเห็นผลดี โดยอัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปีปรับขึ้นมา 0.04% ที่ 0.681% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับขึ้น 0.07% ที่ 1.382%
· การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบได้ช่วยหนุนค่าเงินในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ให้ปรับตัวขึ้นตามเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ท่ามกลางตลาดที่รับมุมมองเชิงบวกต่อการกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจ โดยการค่อยๆผ่อนคลาย Lockdown ได้ช่วยหนุนความหวังให้แก่ตลาดทั่วโลก บดบังประเด็นความตึงเครียดทางการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐฯและจีนได้บ้าง
ดัชนีดอลลาร์เมื่อคืนนี้อ่อนค่าลง 0.12% ที่ 100.25 จุด ขณะที่ท่าทีของประธานเฟดมีความตั้งใจจะพิมพ์พันธบัตรดอลลาร์เพิ่ม รวมทั้งการขยายมาตรการกระตุ้นเศรฐกิจเพื่อต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโคโรนา
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.1% ที่ 1.0806 ยูโร/ดอลลาร์ ด้านเงินเยนอ่อนค่าขึ้น 0.25% ที่ระดับ 107.30 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่นสะท้อนถึงการก้าวสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2015
· ทีมวิจัยการตลาดจากบริษัท Euromonitor กล่าวว่า วิกฤตไวรัสโคโรนาอาจฉุดให้ยอดค้าปลีกสหรัฐฯดิ่งลงไม่น้อยกว่า -6.5% ในปีนี้ จากที่เคยหดตัวลง -2.2% ในปี 2009 ที่เคยเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (Great Recession) และถือว่าย่ำแย่จากระดับการขยายตัวของยอดค้าปลีกในปี 2019 ที่ระดับ 3.3%
· นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า จีนจะทำการเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินอีก 2 พันล้านเหรียญในช่วง 2 ปีนี้ เพื่อช่วยเหลือประเทศในการรับมือกับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจและการพัฒนาทางสังคม โดยเฉพาะความก้าวหน้าของประเทศ
อย่างไรก็ดี เขาเชื่อว่าเมื่อวัคซีนสำหรับไวรัสดังกล่าวสำเร็จก็จะทำให้ทั่วโลกกลับมาอยู่ในทิศทางที่ดีอีกครั้ง และบางบริษัทจีนหลายแห่งก็กำลังพัฒนาและทดสอบวัคซีนสำหรับ COVID-19 อยู่
· น้ำมันดิบปิดพุ่งกว่า 8% ก่อน WTI เดือนมิ.ย. หมดอายุสัญญา
ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นประมาณ 1 เหรียญ/บาร์เรล ทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยตลาดได้รับอานิสงส์จากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน และสัญญาณที่อุปสงค์ทั่วโลกค่อยๆฟื้นตัวจากที่มีการคลาย Lockdown
น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 2.57 เหรียญ หรือ +8.7% ที่ 32.01 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากไปทำสูงสุดตั้งแต่ 16 มี.ค. ด้านน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 2 เหรียญ หรือ +6.2% ที่ 34.5 เหรียญ/บาร์เรล และระหว่างวันทำ High ได้ตั้งแต่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา