• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 12 พฤษภาคม 2563

    12 พฤษภาคม 2563 | Economic News


·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 4,253,802 ราย

Ø  จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 287,250 ราย

Ø  จำนวนประเทศติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 212 ประเทศ

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯล่าสุดมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1,385,834 ราย และมีผู้เสียชีวิตที่ระดับ 81,795 ราย

Ø  จำนวนผู้เชื้อในสหราชอาณาจักรล่าสุดอยู่ที่ 223,060 ราย ซึ่งขณะนี้ขึ้นมาเป็นลำดับที่ 3 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในยุโรปที่ระดับ 32,065 ราย

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในรัสเซียล่าสุดอยู่ที่ 209,688 ราย และมีผู้เสียชีวิตอยู่ที่ระดับ 1,915 ราย

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยล่าสุดรวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,015 ราย (+6) และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวมสะสม 56 ราย

 

·         ค่าเงินดอลลาร์ถูกตอบรับในบทบาทของสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่ากลุ่มนักลงทุนจะมีการเพิ่มการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงในพอร์ต อาทิ การเข้าซื้อหุ้น และการขายพันธบัตรก็ตาม ซึ่งกลุ่มนักลงทุนกลับมาให้ความสำคัญกับ “Second Wave” หรือการกลับมาระบาดใหม่ครั้งที่ 2 ของเชื้อไวรัสโคโรนาหลังจากที่หลายๆประเทศมีการผ่อนปรน Lockdown มากยิ่งขึ้น

เมื่อวานนี้ รายงานจากเยอรมนีพบอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่เพิ่งเริ่มผ่อนปรน Lockdown เช่นเดียวกับเกาหลีใต้ที่มียอดผู้ติดเชื้อครั้งใหม่เพิ่มขึ้นทำสูงสุดในรอบ 1 เดือน ในขณะที่ร้านตัดผมในปารีส ตอลดจนการกลับมาเปิดทำการของสวนสนุก Disneyland ในเซี่ยงไฮ้ที่เพิ่งกลับมาเปิดทำการ

ขณะที่ทางการญี่ปุ่นเมื่อวานนี้เผยว่าอาจสิ้นสุดมาตรการฉุกเฉินในหลายๆเมืองของประเทศในสัปดาห์นี้ ขณะที่นิวซีแลนด์กล่าวว่าอาจคลายข้อกำหนดต่างๆในวันพฤหัสบดีนี้ ทางด้านอังกฤษก็มีแผนจะเริ่มคลาย Lockdown เช่นกัน ขณะที่ร้านค้าในฝรั่งเศสจะเปิดทำการอีกครั้งในวันจันทร์หน้านี้

นักวิเคราะห์จาก Action Economic กล่าวถึงความกังวลในการกลับมาเปิดทำการที่เร็วเกินไปอาจทำให้ไวรัสกลับมาระบาดอีกครั้ง และนั่นทำให้นักลงทุนค่อนข้างมีท่าทีระมัดระวัง และสภาวะในตลาดไม่ใช่ Risk-Off แบบทั่วไปที่เคยเกิดขึ้น

ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.37กลับมาแถว 100.16 จุดอีกครั้ง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นมาที่ 0.7036%

ในส่วนของค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 0.93% ไปแตะ 107.62 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.26% แตะ 1.081 ดอลลาร์/ยูโร

อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์ดูจะรอคอยถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดในคืนวันพุธนี้ รวมทั้งการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อ, คนว่างงาน และยอดค้าปลีก

 

·         นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวใกล้ระดับศูนย์นั้นเกิดขึ้นในบางครั้งเพื่อเป็นปัจจัยสนับสนุนทางเศรษฐกิจแต่ไม่คาดหวังว่าธนาคารกลางจำเป็นต้องใช้ระดับอัตราดอกเบี้ยติดลบใดๆ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อดูไม่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้า ดังนั้นการใช้อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำจึงถือเป็นเรื่องที่เหมาสะมสำหรับสถานการณ์เพื่อให้เกิดการกู้ยืมในภาครัฐบาล, สนับสนุนภาคธุรกิจ ภาคครัวเรือน และรัฐบาลท้องถิ่นได้

 

·         นายแรนดัล ควอเลส รองประธานด้านการกำกับดูแลของเฟด กล่าวว่า เฟดมีการดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อสนับสนุนภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในช่วงเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาเช่นนี้ และเฟดอาจยังไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม โดยภาพรวมการดำเนินการตอบรับใดๆจะขึ้นอยู่กับทิศทางเศรษฐกิ


·         นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเผยว่า เศรษฐกิจอังกฤษอาจต้องปรับตัวหากยังไม่มีวัคซีนรักษาไวรัสโคโรนา แต่นายจอห์นสันก็มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะต้องฟื้นตัวได้อย่างแน่นอน

 

·         เมื่อวานนี้ ฝรั่งเศสเริ่มผ่อนปรนมาตรการ Lockdown อย่างระมัดระวัง โดยอนุญาตให้เปิดทำการร้านค้าโรงงานและธุรกิจที่ไม่สำคัญเป็นครั้งแรกใน 8 สัปดาห์เพื่อช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจซบเซาแม้จะเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนารอบที่ 2 ก็ตาม

นอกจากนี้ ฝรั่งเศสยังเปิดทำการโรงเรียนอีกด้วย และประชาชนกว่า 67 ล้านคนสามารถออกจากบ้านได้โดยไม่ต้องขอเอกสารราชการอีกต่อไปแม้จะเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชึวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก ขณะที่โรงหนัง ร้านอาหาร และบาร์จะยังคงปิดทำการจนถึงเดือนมิ.ย. เนื่องจากทางการฝรั่งเศสเป็นกังวลว่าจะเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งที่สองเหมือนที่เกิดขึ้นในสถานบันเทิงที่เกาหลี

 

·         รัฐบาลอิตาลีระบุว่า จะมอบอำนาจให้รัฐบาลท้องถิ่นตัดสินใจเรื่องผ่อนคลายมาตรการ Lockdown เพื่อควบคุมไวรัสโคโรนา โดยที่ยังมีแนวโน้มว่าการระบาดจะยังคงสูงอยู่ในสัปดาห์หน้า

 

·         ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงท่ามกลางอุปสงค์น้ำมันที่ปรับตัวลง แม้จะมีแรงหนุนว่าอาจเห็นการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มจากซาอุดิอาระเบียพร้อมด้วยกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ก็ตาม

น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลดลง 60 เซนต์ หรือ -2.4ที่ 24.14 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้าน Brent ปิดลดลง 1.34 เหรียญ หรือ -4.3% ที่ 29.63 เหรียญ/บาร์เรล

รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า บริษัท Saudi Aramco มีการลดกำลังการผลิตลง 1 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มต้นในเดือนมิ.ย. ซึ่งจะทำให้ภาพรวมการปรับลดกำลังการผลิตของประเทศซาอุดิอาระเบียนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 4.8 ล้านบาร์เรล/วันจากระดับการผลิตในเดือนเม.ย.

ขณะที่กลุ่ม โอเปก พลัส (OPEC+) จะมีการปรับลดกำลังการผลิตลงประมาณ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มล้วตั้งแต่ 1 พ.ค. ตลอดจนเดือนมิ.ย.



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com