• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 28 เมษายน 2563

    28 เมษายน 2563 | Economic News




สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 3,062,054
Ø  จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 211,433 ราย
Ø  จำนวนประเทศติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 210 ประเทศ
Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯล่าสุดมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1,010,123 ราย (+22,963) และมีผู้เสียชีวิตที่ระดับ 56,796 ราย (+1,383)
Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยล่าสุดรวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,931 ราย (+9) และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวมสะสม 52 ราย (+1)

 



·         ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลดลงวานนี้ท่ามกลางหลายๆประเทศที่มีแผนจะผ่อนคลายภาวะ Lockdownในภาคธุรกิจ จึงทำให้เกิดความต้องการในสินทรัพย์เสี่ยงและลดความต้องการค่าเงินดอลลาร์ที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

อิตาลีเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงเป็นลำดับที่ 2 ของโลกก็มีแผนจะกลับมาผ่อนคลายให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดทำการได้ ขณะที่สหรัฐฯเองก็ดูจะมีหลายๆรัฐที่พร้อมใช้มาตรการผ่อนคลายทางภาคธุรกิจเช่นกัน

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.19% ที่ 100.05 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรล่าสุดแข็งค่าขึ้น 0.07ที่ 1.0828 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากทีช่วงต้นแข็งค่าไปที่ 1.0861 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินยูโรมีปัจจัยหนุนบางส่วนจากการที่ Standard & Poor ซึ่งเป็นสถาบันจัดอัดดับยังคงยืนยันอันดับอิตาลีที่ BBB โดยไม่ได้ปรับลดอันดับใดๆตามที่คาด

ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นหลังจากที่บีโอเจตัดสินใจขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือภาคบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนา และใช้คำมั่นที่จะเข้าซื้อพันธบัตรแบบไม่จำกัดจำนวน และคงระดับเงินกู้ในระดับต่ำเพื่อให้รัฐบาลสามารถนำพาเศรษฐกิจก้าวออกจากวิกฤตในครั้งนี้ได้

ค่าเงินเยนแข็งค่าลงมา 0.23ที่ 107.25 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ช่วงต้นตลาดแข็งค่าไปแนว 107 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแข็งค่ามากที่สุดตั้งแต่ 15 เม.ย.

เหล่าเทรดเดอร์กำลังให้ความสนใจไปยังการประชุมเฟดที่จะสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้และประชุมอีซีบีในวันพฤหัสบดี


·         รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุถึงการที่เฟดจะไม่ทำการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยใดๆในการประชุมสัปดาห์นี้  หลังจากที่ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่มาเพื่อสนับสนุนตลาดและเศรษฐกิจเป็นครั้งประวัติศาสตร์ แต่เฟดมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมาตรการอื่นๆต่อไปจนกว่าจะได้รับข้อมูลว่าสิ่งที่ดำเนินการนั้นสัมฤทธิผล

ทั้งนี้ หลังจากที่เฟดตัดสินใจหั่นดอกเบี้ยปีนี้ลงมาใกล้ระดับ 0หลายๆฝ่ายก็คาดหวังว่าในการประชุมวาระนี้เฟดจะยังคงระดับดอกเบี้ยไว้ต่อไป และจะมีการเสริมสภาพคล่องให้แก่ตลาดการเงินต่อไปรวมทั้งโปรแกรมเงินกู้ ตราบเท่าที่เศรษฐกิจยังคงอ่อนแอในเวลานี้


·         เฟดกำลังเพิ่มการเข้าซื้อตราสารหนี้รัฐบาลท้องถิ่น

รายงานล่าสุดจากเฟดระบุว่าพวกเขากำลังขยายขอบเขตของมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งเป็นหนึ่งอีกหนึ่งมาตรการภายใต้โครงการอัดฉีดสภาพคล่องให้กับรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละรัฐ

ทั้งนี้ เฟดมีการเข้าซื้อตราสารหนี้หรือพันธบัตรจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นเป็นมูลค่ารวมมากกว่า 5 แสนล้านเหรียญ และวานนี้เฟดยังได้ประกาศจะเข้าซื้อตราสารหนี้จากต่างประเทศหรือรัฐที่มีจำนวนประชากรมากกว่า 500,000 คน หรือเมืองที่มีประชากรมากกว่า 250,000 คน


นอกจากนี้ เฟดยังมีขยายระยะเวลาของพันธบัตรที่เฟดเข้าซื้อจาก 2 ปีเป็น 3 ปี ซึ่งมาตรการนี้จะจำกัดเฉพาะตราสารหนี้ที่ได้รับการประเมินแล้วว่าอยู่ระดับที่เหมาะสมกับการลงทุน

·         ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงอีกครั้งจากสัญญาณที่ว่าคลังน้ำมันสหรัฐฯทั่วโลกเพิ่มขึ้น จึงยิ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตที่อาจไม่ส่งผลเร็วเท่าที่ควรในการชดเชยกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวจากภาวะการระบาดของไวรัสโคโรนา

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงหลังจากที่สต็อกน้ำมันในรัฐคุชชิง และโอกลาฮามา อาจเพิ่มเต็มคลังในเร็วๆนี้ โดยภาพรวมสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯพุ่งขึ้นไปกว่า 518.6 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว  ซึ่งถือว่าใกล้กับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อปี 2017 ที่ระดับ 535 ล้านบาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิด -1.49 เหรียญ หรือ -8.8ที่ 15.45 เหรียญ ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -44 เซนต์ หรือ -2.1ที่ 21 เหรียญ/บาร์เรล


·         เช้านี่ราคาน้ำมันดิบในตลาดเอเชียร่วงลงต่อ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์สส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลงไปกว่า 5.56%ที่ 12.07 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ สัญญา Brent ฟิวเจอร์ส ปรับลง 2.65% ที่ 19.46 เหรียญ/บาร์เรล  โดยภาพรวมตลาดน้ำมันยังคงปรับตัวลงต่อหลังจากที่สัญญาส่งมอบน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงกว่า 24% เมื่อคืนนี้ และ Brent ปรับลงมากว่า 6จากความกังวลเรื่องการขาดอุปสงค์พลังงาน ขณะเดียวกันสถานการณ์ของการระบาดของไวรัสโคโรนาก็ยังเป็นเรื่องน่ากังวลและทั่วโลกเฝ้าจับตาจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งทะลุ 3 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 2 แสนราย


·         เกาหลีใต้เรียกร้องให้อย่าตื่นตระหนก ท่ามกลางข่าวการล้มป่วยของคิม จอง อึน

รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีวิจารณญาณในการรับข่าวที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่มีความคลุมเครือ โดยบางข่าวอ้างว่านายคิมกำลังล้มป่วยหนัก บ้างก็ว่ากำลังถูกกักตัวเนื่องจากติดเชื้อโควิด พร้อมยืนยันว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆที่น่าเป็นห่วงภายในเกาหลีเหนือ


·         ทรัมป์อ้างรับทราบความเป็นอยู่ของคิม พร้อมอวยพร ขอให้สบายดี

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ได้กล่าวอ้างว่าเขารู้ว่านายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เป็นอย่างไรบ้างและแสดงความหวังว่านายคิมจะสบายดี ท่ามกลางรายงานข่าวเกี่ยวกับสุขภาพของผู้นำเกาหลีเหนือที่มีความคลุมเครือ

อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ระบุว่า ถึงเขาจะรู้แต่ก็ไม่สามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับสุขภาพของนายคิมให้กับสื่อได้ แต่เชื่อว่าสื่อน่าจะสามารถรับรู้ได้ในเร็วๆนี้





บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com