· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดสุดในรอบ 4 เดือนท่ามกลางการปรับแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากผลกระทบเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนากดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจจึงส่งผลให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลดลงไป
โดยข้อมูลแสดงให้เห็นว่ายอดค้าปลีกสหรัฐลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนที่แล้วและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงมากที่สุดในรอบ 74 ปีทำให้เกิดความกลัวว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง รวมทั้งคาดว่าจะมีตัวเลขผู้ว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มสูงขึ้นอีก
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นลดลงประมาณ 1%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงตามการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนากดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทึน โดยหุ้นภาคธนาคารและผู้ผลิตรถยนต์ก็ปรับตัวลดลงในวันนี้
ด้านดัชนี Nikkei ลดลง 1.3% ที่ระดับ 19,290.20 จุด ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 0.8% ที่ระดับ 1,422.24 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีหลักทั้ง 3 ตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลดลง เนื่องจากข้อมูลทางเศรษฐกิจและรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่ที่อ่อนแอ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับขอบเขตความเสียหายจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน แต่ปรับขึ้นได้เล็กน้อยก่อนที่จะประกาศข้อมูลจีดีพีของจีนในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่าจีดีพีจะหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี
โดยดัชนี Shanghai Composite ปิดเพิ่มขึ้น 0.3% ที่ระดับ 2,819.94 จุด ขณะที่ดัชนีกลุ่มบลูชิพ CSI300 เพิ่มขึ้น 0.1%
· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ขานรับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโคโรนาที่อาจผ่อนคลายลงจากหลายๆประเทศที่จะเริ่มก้าวออกจากมาตรการ Lockdwon
โดยดัชนี Stoxx 600 ปรับขึ้น 1.2% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและที่พักที่ปรับขึ้นไปกว่า 2.4% และหุ้นทุกภาคส่วนดูจะมีการรีบาวน์ได้
มีรายงานว่า มีจำนวนประเทศในแถบยุโรปเพิ่มมากขึ้นที่เริ่มต้นมองหาแนวทางการผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มสำหรับการใช้ชีวิตและภาคธุรกิจในสัปดาห์นี้ โดยที่เยอรมนีเป็นประเทศล่าสุดที่จะกำหนด Road Map สำหรับการเปิดทำการทางเศรษฐกิจ โดยจะเริ่มให้ร้านค้าขนาดเล็กสามารถกลับมาเปิดกิจการได้ในวันที่ 20 เม.ย. ตราบเท่าที่มาตรการยังส่งผลบวกก็อาจจะค่อยๆให้โรงเรียนและสถานศึกษากลับมาเปิดทำการได้อีกครั้งในช่วง 4 พ.ค. แต่หากไม่ดีก็อาจขยายเวลาออกไปจนถึง 31 ส.ค.
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- รมว.คลัง แจงเงินที่จ่ายในมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-49 ในเดือน เม.ย.เพียงเดือนเดียวนั้นเป็นงบประมาณในส่วนที่กันไว้จากปีงบประมาณ 2563 แต่เมื่อมีการกู้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทก็จะมีการใช้เงินเข้ามาใช้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามแผนงานของรัฐบาล ดังนั้นเงินที่จะจ่าย 5,000 บาท/เดือนในอีก 2 เดือนที่เหลือ (พ.ค.-มิ.ย.) ขึ้นอยู่กับ พ.ร.ก.กู้เงินฯ จะมีผลบังคับใช้ได้เมื่อใด ซึ่งหลังจากนั้นจึงจะสามารถกู้เงินได้
- โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่ารัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอในการเยียวยาประชาชนครอบคลุมทุกกลุ่มอาชีพซึ่งนายกรัฐมนตรีห่วงใยและต้องการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างครอบคลุมและจะทำอย่างเต็มที่
- บอร์ดพีพีพีไฟเขียวแผนจัดทำโครงการร่วมลงทุนรัฐ-เอกชน ปี'63-70 รวม 92 โครงการ มูลค่าลงทุน 1.09 ล้านล้านบาท ชู 18 โครงการเร่งด่วน มูลค่า 4.72 แสนล้านบาทมั่นใจช่วยสร้างความสนใจและดึงดูดเอกชนเข้าร่วมลงทุนตามเป้า
- 'วันเดอร์แมน ธอมสัน' เผยผลสำรวจปัญหาโควิด-19 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหลายประเทศ พบไทยกังวลเรื่องเศรษฐกิจ
ถดถอยมากที่สุด ปรับพฤติกรรมซื้อสินค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น นิยมซื้อบะหมี่สำเร็จรูปมากถึงกว่า 52% ส่วนสินค้าราคาแพงทั้งรถ-อสังหาฯ ตั้งใจซื้อน้อยลงในช่วงนี้ ขณะเดียวกับผู้มีรายได้น้อยกว่า 30,000 บาท/เดือน ระมัดระวังการใช้จ่ายทั้งออฟไลน์ และออนไลน์
- ครม.ไฟเขียวร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ ปลัดก.คลังเผยรอนำทูลเกล้าฯ เริ่มกู้ได้ปลาย เม.ย.-ต้นเดือน พ.ค. กางแผนแบ่ง 3 ก้อน รักษาคนป่วย-ผลิตวัคซีน 4.5 หมื่นล้าน ทุ่ม 5.5 แสนล้านจ่ายเยียวยา และเตรียมฟื้นฟูประเทศอีก 4 แสนล้าน
- ครม.เห็นชอบขยายความครอบคลุม ผู้ประกันตนรับสิทธิว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย สามารถรับเงินกรณีว่างงาน 62% ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน
อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ
เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 29 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 2,672 ราย ใน 68 จังหวัด เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 46 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 1,593 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อายุระหว่าง 20-29 ปี จำนวน 634 ราย อายุมากที่สุด 97 ปี และน้อยที่สุด 1 เดือน อายุเฉลี่ย 40 ปี แบ่งตามภูมิภาค กรุงเทพฯ นนทบุรี 1,502 ราย ภาคเหนือ 95 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 107 ราย ภาคกลาง 344 ราย และภาคใต้ 551 ราย