• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 15 เมษายน 2563

    15 เมษายน 2563 | Economic News

สถานการณ์ไวรัสโคโรนา

 

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 2,000,933 ราย

 Ø  จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 126,779 ราย

 Ø  จำนวนประเทศติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 210 ประเทศ และติดเชื้อบนเรือสำราญ 2 ลำ ได้แก่ Diamond Princess และล่าสุด Holland America’s MS Zaandam

 Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯอยู่ลำดับที่ 1 ของโลก ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อรวมที่ 614,246 ราย (+360) และยอดผู้เสียชีวิตที่ปรับตัวขึ้นมาเป็นอันดับที่ 1 ของโลกด้วยจำนวนทั้งหมด 26,064 ราย (+17)

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในสเปนปรับตัวขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 ของโลก ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อที่ 174,060 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 18,255 ราย

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในอิตาลีอยู่ที่ระดับ 162,488 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้น 21,067 ราย

Ø  จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยล่าสุดเพิ่มอีก 30 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,643 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมสะสม 43 ราย


·         ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ แต่ภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า เนื่องจากนักลงทุนยังคงทยอยกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงท่ามกลางความคาดหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถกลับมาเปิดทำการได้ในเร็วๆนี้ ตามคำพูดของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา

ภาพรวมของค่าเงินดอลลาร์ยังคงเผชิญแรงกดดันจากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษจากเฟด เพื่อกระตุ้นปริมาณการถือครองเงินดอลลาร์สำรอง ขณะที่นักวิเคราะห์ว่ายังไม่นับเป็นทิศทางอ่อนค่าอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากตลาดยังคงมีความกังวลกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนาอยู่

 

ขณะที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่า หลังธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อช่วงสายวันนี้

 

ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์ปรับลดลง 0.16% เมื่อเทียบกับเงินเยนแถว 107.05 เยน/ดอลลาร์ ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรเล็กน้อยแถว 1.0994 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ แต่เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ ดอลลาร์แข็งค่าได้เล็กน้อย ขึ้นมาแถว 1.2588 ดอลลาร์/ปอนด์ 

เมื่อคืนที่ผ่านมา นายทรัมป์ได้มีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการ Shutdown และทยอยกลับมาเปิดเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทางฝั่งผู้ว่าของทั้งหมด 50 รัฐก็มีการส่งสัญญาณที่สอดคล้องกับนายทรัมป์ แต่นักวิเคราะห์บางส่วนก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะสามารถกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้ภายในวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งที่ปรึกษาด้านโรคติดต่อของนายทรัมป์เองก็มองว่าเป็นการ มองโลกในแง่ดีเกินไป




·         EUR/USD Price Analysis: ยูโรเคลื่อนไหวในกรอบ หลังเมื่อวานปิดบวก

บทวิเคราะห์ FX Street ระบุว่าราคายูโรกำลังเคลื่อนออกด้านข้างแถว 1.0980 ดอลลาร์/ยูโรในวันนี้ หลังจากเมื่อคืนสามารถปรับขึ้นเหนือระดับสำคัญได้

 

โดยค่าเงินเมื่อคืนปรับสูงขึ้น 0.67% ทำก่อตัวเป็นลักษณะ Green Marubozu candle หรือเป็นกราฟแท่งเทียนที่มีหางเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย และนับเป็นสัญญาณของทิศทางขาขึ้นที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ค่าเงินยังสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วันได้ จึงมีโอกาสที่จะเห็นค่าเงินขึ้นต่อไปยังเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 วัน

 

นอกจากนี้ ทิศทางขาขึ้นดูจะมีแรงหนุนจากสัญญาณ RSI ราย 14 วัน ที่กำลังเลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุด

 

อย่างไรก็ตาม หากค่าเงินหลุดต่ำกว่าระดับ 1.0901 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของเมื่อวาน อาจทำให้ทิศทางระยะสั้นสูญเสียแรงหนุนขาขึ้นไปได้


·         ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินเข้าเศรษฐกิจ 1 แสนล้านหยวน

ธนาคารกลางแห่งประเทศประกาศอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจเป็นวงเงิน แสนล้านหยวน ผ่านการขยายมาตรการปล่อยกู้ระยะกลาง (MLF) หรือการกู้ระยะ ปี พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสู่ระดับ 2.95% จากเดิมที่ 3.15% นับเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดสำหรับการปล่อยกู้ระยะกลางเท่าที่ทางธนาคารกลางเคยใช้มา


·         รายงานจากสำนักข่าว NHK ในประเทศญี่ปุ่น ระบุว่านายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกำลังพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนให้ครัวเรือนละ 100,000 เยน/เดือน ตามข้อเสนอของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเดิมทีได้เสนองบประมาณช่วยเหลือครัวเรือนละ 300,000 เยน/เดือน ระหว่างช่วงเดือน ก.พ. จนถึง มิ.ย.


·         ทรัมป์ประกาศระงับการจ่ายเงินสนับสนุน WHO

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยในการแถลงข่าววันนี้ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯจะระงับการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับองค์กรอนามัยโลก หรือ WHO

 

โดยนายทรัมป์อ้างว่าการที่ไวรัสโคโรนาสามารถแพร่ระบาดออกไปวงกว้างทั่วโลกนั้น มีสาเหตุมาจากความผิดพลาดของ WHO ที่ไม่ยอมสนับสนุนให้นานาประเทศร่วมกับกีดกันการเดินทางเข้า-ออกประเทศจีนในช่วงแรกๆที่ไวรัสเริ่มระบาดเฉพาะภายในประเทศจีน

 

ทางฝั่ง WHO ยังไม่ได้ตอบรับกับการตัดสินใจของสหรัฐฯแต่อย่างใด แต่ก่อนหน้านี้ทางประธานของ WHO ได้เคยกล่าวไว้ว่า ณ ขณะนี้ ไม่ใช่เวลาที่ควรจะลดทรัพยากรใดๆในการต่อสู้กับไวรัส


·         ประธาน DoubleLine Capital กล่าว เฟดกำลังล้มเหลวและละเมิดกฏเกณฑ์ของเขาเอง

Jeffrey Gundlach ประธานสถาบัน DoubleLine Capital และผู้ที่ได้รับสมญานามว่าราชาแห่งพันธบัตร ทวีตข้อความว่าเฟดกำลังล้มเหลวและดำเนินการผิดกับร่างกฏหมายของเฟดในปี 1913 อย่างรุนแรง ซึ่งหมายความว่าการที่เฟดได้ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในที่ไม่เคยมีมาก่อนในช่วงหลายๆสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการที่พวกเขาละเมิดกฏเกณฑ์ที่พวกเขาตั้งขึ้นเอง


·         ญี่ปุ่นเผยคาดการณ์ว่าในกรณีที่ไม่มีการมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนา ยอดผู้เสียในญี่ปุ่นอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 400,000 ราย และหากไม่มีการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์หรือการระบายอากาศที่เหมาะสมในที่พื้นที่เสี่ยง ยอดดังกล่าวอาจพุ่งขึ้นเป็น 850,000 ราย


·         ผลสำรวจโดย Reuters คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 1/2020 มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่แดนหดตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1992 เนื่องจากผลกระทบของไวรัสโคโรนาที่กดดันภาคธุรกิจและการจ้างงานในประเทศ

โดยผลสำรวจคาดการณ์ว่า GDP เศรษฐกิจจีนไตรมาสแรกจะหดตัวเฉลี่ย -6.5% เทียบกับปีก่อน ซึ่งจะถือว่าตรงกันข้ามกับไตรมาสที่ 4/2019 ที่เศรษฐกิจสามารถเติบได้ 6% ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ที่ร่วมตอบแบบสำรวจมีมุมมองเกี่ยวกับอัตราการชะลอตัวแตกต่างกันออกไปค่อนข้างกว้าง ตั้งแต่ -28.9% ไปจนถึง +4%


·         สหรัฐฯอาจต่อต้านการออกนโยบายช่วยเหลือของ IMF

ฝ่ายค้านในรัฐบาลสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะต่อต้านการออกนโยบายช่วยเหลือประเทศที่กำลังได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาของ IMF ภายในสัปดาห์นี้ หลังจากมีรายงานว่าทางองค์กร IMF กำลังเตรียมออกนโยบายสนับสนุนด้านงบประมาณเป็นวงเงินกว่า 5 แสนล้านเหรียญ สำหรับประเทศที่มีความต้องการฟื้นฟูสภาพคล่องของตลาดเร่งด่วนที่สุดภายในบรรดาประเทศสมาชิกทั้ง 189 ประเทศ


·         ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง เนื่องจากตลาดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดที่ยังคงยืดเยื้อ โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา และการที่ทาง IMF ได้เตือนถึงแนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่

โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับลง 0.51 เหรียญ หรือประมาณ 1.7% แถว 29.09 เหรียญ/บาร์เรล โดยเป็นปรับลงต่อจากเมื่อวานที่ร่วงลง 6.7% แม้ในช่วงต้นตลาดจะสามารถเคลื่อนไหวแดนบวกก็ตาม

 

ขณะที่ ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 0.04 เหรียญ หรือประมาณ 0.2% แถว 20.07 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากเมื่อวานที่ร่วงลง 10.3%



·         WTI เคลื่อนไหวแดนลบ หลังไม่ผ่าน  20.80 เหรียญ/บาร์เรล

บทวิเคราะห์จาก FX Street ระบุว่าราคาน้ำมัน WTI กำลังเคลื่อนไหวแดนลบในวันนี้ คิดเป็นประมาณ -1.5% แถวระดับ 20.30 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากทดสอบไม่ผ่านระดับ 20.80 เหรียญ/บาร์เรล ในการซื้อขายเมื่อคืน

 

โดยราคาทำระดับต่ำสุดเมื่อวานนี้ระดับ 19.92 เหรียญ/บาร์เรล หลังซาอุดิอาระเบียประกาศปรับราคาขายน้ำมันเดือน พ.ค. สำหรับฝั่งเอเชียลง เพื่อพยายามกระตุ้นยอดขายก่อนที่มาตรการปรับลดกำลังผลิตจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ค. ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติไวรัสโคโรนาที่กดดันปริมาณอุปสงค์น้ำมัน ราคาน้ำมันจึงตกต่ำ แม้จะได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงลดกำลังผลิตของกลุ่ม OPEC+ ก็ตาม

 

Technical levels

แนวต้าน: 22.80 เหรียญ/บาร์เรล (ระดับสูงสุดเมื่อคืน)22 เหรียญ/บาร์เรล (ระดับสำคัญในกราฟราย 1 ช.ม.)

 

แนวรับ: $19.92 เหรียญ/บาร์เรล (ระดับต่ำสุดเมื่อวาน), $19.00 เหรียญ/บาร์เรล (แนวรับทางจิตวิทยา)


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com