· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลดลงต่อเนื่องในวันนี้ ท่ามกลางกลุ่มส.ส.สหรัฐฯที่ล้มเหลวในการผลักดันร่างงบประมาณทางเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์กันว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านเหรียญอาจใช้เวลาในการเจรจาที่ยาวนานขึ้น ท่ามกลางผลเสียครั้งใหญ่ต่อเศรษฐกิจที่ก่อตัวเช่นกัน
ดัชนีดาวโจนส์ปิด -582.05 จุด หรือ -3.1% ที่ระดับ 18,591.93 เหรียญ ถือเป็นระดับปิดต่ำสุดตั้งแต่พ.ย. ปี 2016 ทางด้าน S&P500 ปิด -2.9% ที่ 2,237.4 จุด และ Nasdaq ปิด -0.3% ที่ 6,860.67 จุด
นี่ถือเป็นความล้มเหลวครั้งที่ 2 อย่างต่อเนื่องในการผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว โดยช่วงเช้านายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ ออกตัวว่าสภาคองเกรสค่อนข้างเข้าใกล้แผนดังกล่าว และน่าจะผลักดันให้สำเร็จได้
นักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงไตรมาสที่ 2 จะหดตัวลงไป 24% หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 6% ในช่วงไตรมาสแรก
Morgan Stanley คาดว่า ช่วงไตรมาสที่ 2 จะเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯหดตัวได้มากเป็นประวัติศาสตร์ประมาณ 30%
การระบาดของไวรัสนำไปสู่การปิดตลาด New York Stock Exchange และหันมาทำการซื้อขายชั่วคราวในตลาดอีเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ซึ่งยังไม่มีรายงานการพบปัญหาใดๆ และนักลงทุนก็ยังคงเทรดดัชนีหุ้นสหรัฐฯได้ตามปกติ
· หุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อวานนี้ โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -4.4% จากหุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวและที่พักที่ปรับตัวลงไปกว่า 7% ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ยังไม่มีที่สิ้นสุด
· หุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ค่อนข้างผันผวนจากกลุ่มนักลงทุนที่วิตกกังวลต่อเศรษฐกิจโลกและผลกระทบจากไวรัสโคโรนา จึงทำให้เราเห็นหุ้น Nifty50 ของอินเดียร่วงลงเกือบ 13% ขณะที่ BSE Sensex ปิด -13.15% ทำให้เกิดการหยุดการซื้อขายเป็นเวลาชั่วคราว หรือเผชิญ Circuit Breaker เมื่อดัชนีร่วงลงกว่า 10%
ด้านหุ้นสิงคโปร์เมื่อวานนี้ปิด -7.35% ทางด้านดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิตปิด -3.11%
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนบวกในเช้าวันนี้ นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น ท่ามกลางแรงหนุนจากการออกมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาลในภูมิภาครวมถึงการประกาศนโยบายการเงินเพิ่มเติมจากเฟดเมื่อคืนนี้ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
โดยดัชนี Nikkei เปิด +5.74% นำโดยหุ้น Fast Retailing และ Softbank Group ที่ปรับขึ้นกว่า 9.3% และ 16.85% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนี Topix เปิด +2.43% ในฝั่งเกาหลีใต้ ดัชนี Kospi เปิด +3.77%
ในออสเตรเลีย ดัชนี ASX 200 เปิด +2.6% โดยประมาณ
สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นเอเชีย ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด +1.19%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
-นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.85 - 33.05 บาท/ดอลลาร์ หลังจากเมื่อวานนี้เงินบาทวานนี้อ่อนค่าทำสถิติใหม่ในรอบ 16 เดือน นับตั้งแต่เดือน พ.ย.61 ที่ระดับ 33.05 บาท/ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกันกลุ่มนักลงทุนปิด รับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส หลังมีคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าส่งผลให้กิจกรรมทางธุรกิจหยุดชะงัก แม้ธุรกรรมเมื่อวานนี้จะมีไม่มาก
- กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อวานนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 122 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 721 ราย เสียชีวิต 1 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 52 ราย ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 668 ราย ในจำนวนนี้มีอาการหนัก 7 ราย
- ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในวันนี้ไม่ได้หารือถึงการนำ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาใช้ในการควบคุมและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
- สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือน ก.พ.63 โดยการส่งออกมีมูลค่า 20,641.8 ล้านเหรียญสหรัฐ กลับมาหดตัว -4.47% จากตลาดคาดว่าจะหดตัว -11 ถึง -10.9% (หากหักน้ำมันทองคำ และอาวุธยุทโธปกรณ์ การส่งออกจะขยายตัว 1.5%) ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 16,744 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว -4.30% ขณะที่ดุลการค้าเกินดุล 3,897 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโรคโควิด-19 จนทำให้ต้องมีการประกาศปิดสถานบริการและร้านค้าบางประเภทไปแล้ว ตามประกาศล่าสุดของกรุงเทพมหานคร ทางสมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกทุกธนาคารได้มีการวางแผนการให้บริการที่ต่อเนื่องเพื่อรองรับทุกสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต และขอให้ความมั่นใจว่าธนาคารจะสามารถให้บริการลูกค้าและผู้มาใช้บริการของธนาคารตามปกติในทุกช่องทาง โดยเฉพาะบริการหลัก เช่น การรับฝากเงิน การถอนเงิน การโอนเงิน และบริการสินเชื่อต่าง ๆ รวมถึงการช่วยเหลือลูกค้าเพื่อเสริมสภาพคล่อง
· อ้างอิงจากสำนักข่าวคมชัดลึก
- รายงานจากคมชัดลึก เผยว่ามีรายงานว่าในวันอังคารที่ 24 มีนาคม รัฐบาลเตรียมประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขั้นที่สูงขึ้น โดยจะมีมาตรการห้ามเดินทางข้ามจังหวัด/ มาตรการห้ามรวมตัวกันทำกิจกรรมทุกประเภท / และห้ามออกจากบ้านในเวลาที่กำหนด หรือที่เรียกว่า "เคอร์ฟิว"
แม้จนถึงขณะนี้จะยังไม่มีการยืนยันว่ามาตรการที่จะถูกยกระดับขึ้นทั้งหมดนี้ จะใช้การขอความร่วมมือ หรือประกาศบังคับใช้กฎหมาย แต่แหล่งข่าวในรัฐบาลยืนยันตรงกันว่า จะต้องยกระดับมาตรการขึ้นอย่างแน่นอน และน่าจะต้องบังคับด้วยกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาได้พยายามขอความร่วมมือแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล ยังคงมีประชาชนเดินทางข้ามจังหวัด และฝ่าฝืนไปรวมตัวกันในสถานที่ต่างๆ เช่น ตามริมหาด / ทำให้ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว และมีแนวโน้มสูงขึ้นไปถึงหลักแสนภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือนข้างหน้า
โดยการประกาศต้องใช้มติคณะรัฐมนตรี จึงต้องรอลุ้นในวันอังคารที่ 24 มีนาคมว่าจะมีการประกาศหรือไม่ และเมื่อประกาศแล้วจะมีมาตรการเข้มอะไรตามมาหรือเปล่า เช่น เคอร์ฟิว หรือมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถาน รวมถึงมาตรการห้ามเดินทางข้ามจังหวัด
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า ขณะนี้สถานีโทรทัศน์บางแห่งได้จัดเตรียมสถานที่ให้พนักงานที่รับผิดชอบการออกอากาศ ได้พักค้างคืนที่สำนักงานแล้ว เพราะคาดการณ์ว่ารัฐบาลน่าจะประกาศมาตรการเคอร์ฟิว หรือห้ามออกนอกเคหะสถานในเวลาที่กำหนด
· อ้างอิงจาก Sanook.com
- วานนี้ (23 มี.ค.) ในเพจเฟซบุ๊ก "ข่าวสารเมืองปราการ v2" โพสต์ข้อความระบุว่า ไทยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 เสียชีวิตเป็นรายที่ 2 ของประเทศแล้ว เป็นชาว จ.สมุทรปราการ โดยทางเพจเปิดเผยเรื่องดังกล่าว อ้างอิงจากการพูดคุยกับลูกสาวของผู้เสียชีวิต
Thai
Eng