· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงเมื่อวานนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวลงแย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยเกิด “Black Monday” เมื่อปี 1987 และถือเป็นวันที่ย่ำแย่ที่สุดเป็นวันที่ 3 หลังจากที่เฟดตัดสินใจใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อจำกัดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนา
ดัชนีดาวโจนส์ปิด -2,997.1 จุด หรือคิดเป็น -12.9% ที่ระดับ 20,188.52 จุด ภาพรวมระหว่างวันร่วงลงไปกว่า 3,000 จุด ทางด้านดัชนี S&P500 ปิดปรับลง -12% ที่ 2,386.13 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ธ.ค. ปี 2018 ขณะที่ Nasdaq ปิด -12.3%ที่ 6,904.59 จุด ซึ่งเป็นระดับวันที่แย่ที่สุดตั้งแต่เคยเกิดขึ้นมา
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังได้รับแรงกดดันต่อหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การแพร่ระบาดอาจยาวนานจนถึงเดือนส.ค. และเขาเองก็ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐฯอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้
ภาพรวมเมื่อวานนี้ดัชนีดาวโจนส์ปรับลงไป 31.7% นับตั้งแต่ที่ไปทำ All-Time High ขณะที่ S&P500 และ Nasdaq ปรับลงไปกว่า 29% หลังจากที่ทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงได้แย่ที่สุดตั้งแต่ปี 2017
ขณะที่ระหว่างการซื้อขายในช่วง 15 นาทีแรก การปรับตัวลงไปกว่า 8% ในดัชนี S&P500 ทำให้เกิด Circuit Breaker ตามมา และนับเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วที่ตลาดเผชิญภาวะ Circuit Breaker
· เช้านี้ดัชนี Dow Jones Futures เปิดปรับตัวสูงขึ้นกว่า 709 จุด ส่งผลให้ดัชนี S&P500 และ Nasdaq รีบาวน์ตาม โดยการปรับตัวขึ้นมาจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ทำการทวิตเตอร์ข้อความล่าสุดว่า สหรัฐฯมีอำนาจพอที่จะสนับสนุนภาคอุตสหกรรมต่างๆ อันรวมไปถึงสายการบินและภาคส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระบจากไวรัสโคโรนาที่อาจแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับลงเมื่อคืนนี้ท่ามกลางหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงต่อจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -5.1% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มที่พักและการท่องเที่ยวที่ปรับตัวลงไปกว่า 10%
ในส่วนของดัชนี IBEX ของสเปนปรับตัวลง 8.3% ด้าน FTSE MIB ของอิตาลีปิด -6% ดัชนี CAC ของฝรั่งเศสปรับตัวลงไป -5.9% ขณะที่ DAX ของเยอรมนีปิด -5.3% รวมทั้ง FTSE100 ของอังกฤษปิด -4.7%
· เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดด้วยความผสมผสานหลังจากที่หุ้นสหรัฐฯร่วงลงรายวันมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี ขณะที่ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดเป็นการชั่วคราววันนี้
ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -1.76% แต่ Kosdaq เปิด +0.61% ทางด้านดัชนีนิกเกอิเปิด +2% หลังจากที่ช่วงต้นตลาดปรับตัวลงไป -1.01% ในส่วนของ Topix กลับมาเป็นบวกได้เช่นกันประมาณ +1.37%
ดัชนี S&P/ASX200 เปิด +2.6% หลังจากที่ปรับตัวลงไปเกือบ 10% เมื่อวานนี้
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ระหว่าง 32.00 - 32.25 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจช่วงนี้ไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
- กระทรวงสาธารณสุข แถลงพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 33 ราย โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อรายเดิมทั้งในสนามมวยและสถานบันเทิงรวม 16 ราย ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นผู้ป่วยใหม่ (17 ราย) เดินทางมาจากต่างประเทศ และผู้ที่ทำงานใกล้ชิดต่างชาติ รวมยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 147 ราย
- Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 63 เป็นหดตัวที่ -0.3% ในกรณีฐาน (จากประมาณการเดิมที่ 1.8%) และมีความเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจไทยจะเกิด technical recession ในช่วงครึ่งแรกของปี โดย SCB EIC ระบุว่า ในช่วงไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ของปี เศรษฐกิจไทยมีโอกาสหดตัวทั้งในแบบ %YoY และ %QoQ sa เนื่องจากมีหลายปัจจัยรุมเร้า ได้แก่ การหดตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวและภาคส่งออกซึ่งจะส่งผลให้รายได้และการจ้างงานของแรงงานในภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมลดต่ำลง ภัยแล้งที่รุนแรงกว่าปกติซึ่งกระทบต่อรายได้ของภาคเกษตร และงบประมาณจากภาครัฐที่มีแนวโน้มเบิกจ่ายได้ต่ำในช่วงไตรมาสแรกจากความล่าช้าของการอนุมัติงบประมาณรายจ่าย โดยคาดว่าการเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐทั้งในส่วนของงบลงทุนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ จะเริ่มเข้าช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไปทั้งนี้ EIC คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ในช่วงปลายไตรมาส 3 ตามสมมติฐานนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะ ทยอยกลับมาฟื้นตัวในช่วงดังกล่าว ตลอดจนมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจทั้งนโยบายการคลังและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น
Thai
Eng