• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 13 มีนาคม 2563

    13 มีนาคม 2563 | SET News

· การดิ่งครั้งประวัติศาสตร์: จากความไม่แน่นอนสู่ความแตกตื่น

ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ปรับร่วงอย่างหนัก โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับร่วงลงไปถึง 10% นับเป็นการปรับร่วงที่มากที่สุดตั้งแต่เดือน ต.ค. ปี 1987 ที่ดัชนีปรับร่วงลงไป 22% ขณะที่นักลงทุนยังคงมีความกังวลว่าตลาดจะสามารถรับความเสี่ยงได้อีกมากแค่ไหน

นักวิเคราะห์จาก Bleakley Advisory Group มองว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจได้ “ฝังรากลึก” ลงไปแล้ว และจนกว่าที่ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง นักลงทุนก็จะไม่สามารถคาดเดาทิศทางของตลาดได้เลย

ความผันผวนที่เกิดขึ้นกับตลาดจะเห็นได้อย่างชัดเจนจากดัชนี Cboe Volatility Index (VIX) ที่นิยมเรียกว่าเป็นดัชนีวัดความกังวลของตลาด โดยดัชนีได้พุ่งสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 เมื่อวานนี้ ที่ระดับ 72 จุด โอกาสสำหรับการเข้าซื้อ

ท่ามกลางตลาดหุ้นที่ถูกเทขายอย่างหนัก นักวิเคราะห์จาก Bleakley Advisory Group มองว่าสำหรับนักลงทุนระยะยาวแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเข้าซื้อ โดยระบุว่า ท่ามกลางภาวะวิกฤติ มักจะมีโอกาสหลบซ่อนตัวอยู่เสมอ เมื่อใดก็ตามที่ดัชนี VIX พุ่งสูงขึ้น นั่นเป็นโอกาสสำหรับการเข้าซื้อเพื่อรอให้ตลาดเริ่มฟื้นตัวและสร้างผลกำไรในระยะยาว

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มอง่าแทนที่จะเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มที่เผชิญความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะกลุ่มสายการบินและคาสิโน ควรเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมากกว่า

· ในวันนี้ ดัชนี Nifty 50 ของอินเดียระงับการซื้อขายชั่วคราวเนื่องจากภาวะ Circuit breaker หลังดัชนีปรับลงมากถึง 10%

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง จากนั้นฟื้นตัวเล็กน้อย ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้นในตลาดที่ผันผวนจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

โดยหุ้นญี่ปุ่น ไทย อินเดีย ร่วงลงมากกว่า 10% ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯเทื่อคืนที่ผ่านมา

ดัชนี Nikkei ปรับตัวลงเกือบ 6% ดัชนี Sensex ของอินเดีย เคลื่อนไหวระหว่างกำไรและขาดทุนหลังจากปรับลดลง 10% ใน SET ของไทย เพิ่มขึ้นได้ 0.5% หลังจากหยุดการซื้อขายชั่วคราวก่อนหน้านี้ในวันนี้

ตลาดทั่วโลกปรับตัวลดลงเนื่องจากความกังวลว่าจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตโคโรนา มากขึ้นและการผิดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกทำให้ความเชื่อมั่นลดลงทั่วโลก

แต่เริ่มมีสัญญาณว่าการดำเนินการของรัฐบาลเริ่มฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาได้บ้าง เห็นได้จากการที่นักลงทุนบางส่วนมีการเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรแล้ว

ด้านดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 4.4% ที่ะรดับ 5,539.30 จุด หลังจากที่ผู้นำรัฐเห็นพ้องที่จะทุ่มงบเพื่อรับมือกับผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสที่แพร่กระจายจากประเทศจีนตอนกลางทั่วโลกทำให้มีผู้ติดเชื้อถึง 128,000 ราย

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบมากกว่า 3 ปี เนื่องจากเหล่านักลงทุนออกจากหุ้นและกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพราะกลัวว่าการระบาดของโรคโคโรนาไวรัสทั่วโลกจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกและยังส่งผลต่อโอลิมปิกในประเทศญี่ปุ่น

โดยดัชนี Nikkei ลดลง 6.08% ซึ่งเป็นระดับรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 ที่ผ่านมา ที่ระดับ 17,431.05 จุด สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์รวงลงไป 15.99% ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่สอง หลังจากที่ร่วงลงไป 24.3% ในช่วงต้นเดือนต.ค.ปี 2008 ที่ผ่านมา

· ตลาดหุ้นจีนและฟิวเจอร์สพันธบัตรรัฐบาลจีนปรับลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับลดลงเนื่องจากความกังวลการระบาดของไวรัสโคโรนา แต่การปรับตัวลงของตลาดหุ้นจีนเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆถือว่าค่อนข้างเบา เนื่องจากความหวังว่าการระบาดของไวรัสภายในประเทศจีนสามารถถูกควบคุมได้แล้ว ประกอบกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก

โดยดัชนี Shanghai Composite ปิด -1.2% ขณะที่ดัชนี CSI300 ปิด -1.4% โดยระหว่างวันปรับร่วงลงไปมากที่สุดถึง 4.2% และ 4.7% ตามลำดับ ในภาพรวมรายสัปดาห์ ดัชนี Shanghai Composite ปิด -4.8% ส่วนดัชนี CSI300 ปิด -5.9% เทียบกับดัชนี S&P 500 ที่ร่วงลงไป 16.5%

· ตลาดหุ้นยุโรปรีบาวน์ในช่วงต้นตลาด หลังจากที่ปรับร่วงลงไปจากแรงเทขาย เนื่องจากการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วขอไวรัสโคโรนาที่ยังคงกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน

โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเปิดการซื้อขาย ด้านหุ้นกลุ่มทรัพยากรเพิ่มขึ้น 9.3% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคที่เคลื่อนไหวในแเดนบวก

หลังจากที่ดัชนีร่วงลงไป 11% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นภาพรวมรายวันที่แย่ที่สุด เนื่องจากตลาดตอบสนองต่อการประกาศข้อจำกัด การเดินทางของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯและการตัดสินใจของธนาคารกลางยุโรปที่จะไม่ลดอัตราดอกเบี้ย

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

หุ้นไทยปิดเช้าร่วง 10.95 จุด ผันผวนหลังใช้’เซอร์กิตเบรกเกอร์’ครั้งที่ 2 ท่ามกลางไวรัสโควิด-น้ำมันขาลง

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,103.96 จุด ลดลง 10.95 จุด (-0.98%) มูลค่าซื้อขายราว 73,954.19 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนรุนแรง โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,164.16 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 969.08 จุด

- นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าเกิด Panic Sell จนต้องใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์พักการซื้อขาย 30 นาทีเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากวานนี้ ก่อนที่รีบาวด์และแกว่งตัวผันผวนรุนแรง อย่างไรก็ตาม จากสถิติการใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่ผ่านมาของไทย 3 ครั้งหลังจากใช้เชอร์กิตเบรกเกอร์แล้วในวันถัดไปหุ้นมักจะปรับตัวขึ้น ซึ่งทำให้มีโอกาสที่วันนี้หุ้นไทยอาจจะปรับขึ้นได้

- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยที่ร่วงแรงในช่วงนี้ว่า ยืนยันว่าไม่มีการปิดซื้อขายตลาดหุ้นเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือจากมาตรการปกติที่ใช้อยู่ เช่น มาตรการพักการซื้อขายชั่วคราว (Circuit Breaker) แต่ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หารือมาตรการต่าง ๆ เพื่อดูแลตลาดทุนในระยะนี้

ทั้งนี้ ก.ล.ต.และ ตลท.จะศึกษาการหยุดยั้งพฤติกรรมชอร์ตเซล รวมถึงศึกษาการปรับรูปแบบสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหุ้นเพื่อชะลอการบังคับขาย (ฟอร์ซเซล) เพื่อหยุดความร้อนแรงของตลาดหุ้น

- สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ (เที่ยวบิน XJ) ประกาศหยุดบินชั่วคราว เส้นทางเข้าและออกจากไทยสู่เมืองโตเกียว โอซาก้า ซัปโปโร นาโกย่า และฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม-16 มิถุนายน 2563 (เริ่มกลับมาให้บริการ 17 มิถุนายน 2563) และเส้นทางเข้าออกสู่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ หยุดให้บริการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 17-28 มีนาคม 2563 เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบัน

อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

ตลท. ดูแลการซื้อขายเข้มข้น เตรียมปรับเกณฑ์ short sell สอดรับภาวะปัจจุบัน หวังลดความผันผวน เริ่มใช้บ่ายนี้ หนุนบริษัทจดทะเบียนซื้อหุ้นคืน

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการติดตามการซื้อขายหลักทรัพย์อย่างใกล้ชิด พบว่าในช่วงที่ผ่านมา การซื้อขายจากวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขายชอร์ต หรือ program trade ยังเป็นไปตามปกติ สัดส่วนการซื้อขายไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูงจากปัจจัยภายนอก ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับปรุงเกณฑ์การขายชอร์ตเพื่อใช้เป็นการชั่วคราว จากเดิมที่กาหนดให้สมาชิกจะขายชอร์ตได้เฉพาะในราคาที่ไม่ต่ากว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (last trading price) เป็น จะขายชอร์ตได้เฉพาะในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (last trading price) เท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยให้เสริมสร้างความมั่นใจในการลงทุนให้แก่นักลงทุนในภาพรวม

ทั้งนี้ ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากบริษัทสมาชิกและได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว โดยจะมีผลใช้บังคับเป็นการชั่วคราว เริ่มตั้งแต่การซื้อขายในภาคบ่ายของวันที่ 13 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป และไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2563

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com