• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563

    25 กุมภาพันธ์ 2563 | SET News

· ตลาดหุ้นเอเชียเริ่มทรงตัวหลังแรงเทขายเริ่มหมดไป ขณะที่ดัชนีฟิวเจอร์หุ้นสหรัฐฯสามารถรีบาวน์สูงขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ชะลอความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เคลื่อนไหวทรงตัว

ทั้งนี้ ตลาดตราสารหนี้กำลังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะมีวิธีช่วยหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่หรือไม่

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากเหล่านักลงทุนลดการถือครองสทินทรัพย์เสี่ยงลงไปในวันแรกของการกลับมาเปิดทำการซื้อขาย หลังจากที่ปิดทำการไปปเมื่อวานนี้ รวมทั้งการแรพ่ระบาดของไวรัสโคโรนานอกประเทศจีนที่เพิ่มความเสี่ยงเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก

โดยดัชนี Nikkei ลดลง 3.3% ที่ระดับ 22,605.41 จุด ซึ่งเป็นการปรับลดลงมาดที่สุดในรอบ 14 เดือน และปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนต..คที่ผ่านมา

ด้านดัชนี Topix ลดลง 3.33% ที่ระดับ 1,618.26 จุด โดย 98% ของตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบ ซึ่งมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี

ทั้งนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้นเป็น 7 รายในอิตาลีเมื่อวานนี้ และหลายประเทศในตะวันออกกลางกำลังเผชิญกับการติดเชื้อทำให้เกิดความกังวลว่าอาจกลายเป็นโรคระบาด

· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวลดลงอย่างจำกัด เนื่องจากเหล่านักลงทุนคาดว่าการติดเชื้อไวรัสโคโรนานอกประเทศจีนจะมีผลกระทบ อย่างจำกัดในตลาดจีน

โดยดัชนี Shanghai Composite ลดลง 0.36% ที่ระดับ 3,013.05 จุด


· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดแดนบวก โดยเป็นการฟื้นตัวขึ้นหลังจากปรับร่วงลงหนักมากที่สุดตั้งแต่เดือน มิ.ย. ปี 2016 ในคืนที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดยังคงมีความกังวลกับสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาที่เริ่มระบาดออกนอกประเทศจีนมากขึ้น

โดยดัชนี STOXX 600 เปิด +0.6% สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่พยายามฟื้นตัวในวันนี้

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ รายจ่ายประจำปี 2563 ที่เตรียมประกาศใช้จะมี ส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย และการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจากปัจจุบันเศรษฐกิจไทยอยู่ใน ภาวะถดถอย จากปัจจัยลบรอบด้านที่ประเทศไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19ทั้งนี้จากข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) พบว่า การใช้จ่ายภายใต้ วงเงินงบประมาณรายจ่ายภาครัฐ ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคของรัฐบาล และการลงทุนภาครัฐ มีสัดส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ(จีดีพี)ประมาณ 16.2% และ 5.9% จึงเป็นเครื่องจักรสำคัญที่เหลืออยู่ในการประคับประคองเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในส่วนของการลงทุนนั้นจะทำให้เกิดการผลิตและการจ้างงานเพิ่มขึ้นโดยตรง

- นางสาวจิรฐา ทรงเมตตา ประธานกรรมการบริหาร บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ (ACE) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนตามนโยบายสำคัญของภาครัฐ 2 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์โดยเฉพาะโครงการ Quick-Win ซึ่งเป็นเฟสแรกของโครงการที่คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อน และสามารถรับรู้รายได้ได้อย่างรวดเร็ว และโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ รวมแล้ว 1,100 เมกะวัตต์

- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,425.66 จุด ลดลง 9.90 จุด (-0.69%) มูลค่าซื้อขายราว 39,254 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,442.56 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,416.40 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้อ่อนตัวลง ยังรับแรงกดดัน Sentiment ลบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน อย่างไรก็ดียังต้องติดตามความคืบหน้าการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต่อไป

อ้างอิงจากสำนักข่าวไทยรัฐออนไลน์

- นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวหลังประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่กระทรวงสาธารณสุขว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ประกาศให้ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคติดต่ออันตรายตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ลำดับที่ 14 และจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเร็วๆนี้ โดยคนทำงานทุกคนยังใช้นโยบายการรับมือสถาน– การณ์นี้เชิงบวก 1 คือหากสถานการณ์อยู่ในระยะที่ 2 แล้วก็จะใช้มาตรการป้องกันระดับ 3 เพื่อให้มั่นใจว่าเราอยู่หน้าสถานการณ์ไม่ใช่วิ่งไล่ตาม ดังนั้นการประกาศให้ไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคติดต่ออันตราย ไม่ใช่ว่าเอาไม่อยู่ แต่เพื่อเพิ่มความสามารถในการควบคุมการระบาดของโรคนี้เพิ่มมากขึ้น การประกาศนี้เน้นการควบคุมป้องกันโรคมากกว่าจะมุ่งเอาผิดตามกฎหมาย พร้อมแนะนำหากไม่จำเป็นอย่าเดินทางไปประเทศเสี่ยง ถ้าไปก็ขอให้ระมัดระวัง ส่วนคนในประเทศก็กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย รวมถึงถ้าจะมีการชุมนุมในช่วงนี้ ขอดูสถานการณ์ของโรคด้วย หากดูแล้วเข้าไปในที่แออัดและคาดว่ามีคนที่เจ็บป่วย มีอาการ ขอให้แนะนำให้เลื่อน ถ้ายังจะชุมนุมต้องดูตามสถานการณ์ อาจจะขอไม่ให้มีการชุมนุม เป็นต้น

อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ

- นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์)เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยธุรกิจเอ็กซิมแบงก์ได้ออกบทวิจัยหัวข้อ“การส่งออกของไทย…กับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์”โดยระบุว่า เริ่มปี 2563 มาได้เพียง 2 เดือน แต่กลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนักขึ้นหลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะสถานการณ์ COVID-19 ที่เริ่มขยายวงกว้างและสร้างความกังวลให้หลายฝ่ายว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยปี 2563 ชะลอลงมาก

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวร้ายก็ยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศตัวเลขส่งออกเดือนม.ค.2563 พบว่าขยายตัว 3.4% เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 6 เดือน แม้ว่าหลายฝ่ายจะมองว่า มูลค่าส่งออกดังกล่าวยังไม่รวมผลกระทบจาก COVID-19 เข้าไป แต่อย่างน้อยก็ยังมีสัญญาณบวกให้เห็นในบางแง่มุมที่อาจช่วยให้การส่งออกทั้งปีไม่ได้แย่อย่างที่หลายฝ่ายกังวล

- ทีมวิจัยเศรษฐกิจธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นอีกหนึ่งองค์กร ที่ประกาศปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยเหลือ 1.5% เดิมทีศูนย์วิจัยกรุงศรีฯ ประเมินตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัว 2.5% ภายใต้การท่องเที่ยวและการลงทุนภาครัฐที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แต่ผ่านมาแค่ 2 เดือน ภาพกลับตาลปัตร จากปัจจัยลบที่เข้ามากระทบเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” หรือ “โควิด-19” ที่มาแบบไม่มีใครคาดคิด ซึ่งปัจจัยหลักๆที่ทำให้ ศูนย์วิจัยกรุงศรีฯปรับจีดีพีลงในรอบนี้

- เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) ว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยืนยันโควิด-19 เพิ่ม 2 ราย ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการทั้ง 2 แห่ง(กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ได้ผลยืนยัน พบผู้ป่วยเพิ่ม 2 ราย

รายที่ 1 เป็นหญิงไทยอายุ 31 ปี อาชีพแม่บ้าน ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี แพทย์ตรวจพบปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ แพทย์ได้ซักประวัติเพิ่มเติมพบประวัติสมาชิกในครอบครัวเดินทางกลับจากประเทศจีน

รายที่ 2 เป็นชายไทยอายุ 29 ปี อาชีพทำงานสัมผัสใกล้ชิดนักท่องเที่ยวชาวจีน มาอาการด้วยอาการ ไข้ ไอ รับรักษาอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคได้ทำการสอบสวนและเก็บตัวอย่างจากผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยทั้ง 2 ราย เพื่อส่งตรวจต่อไป และในบ่ายวันนี้จะนำข้อมูลผู้ป่วยและการสอบสวนโรคเบื้องต้นเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้เชี่ยวชาญ 3 ด้านต่อไปเพื่อพิจารณาโดยละเอียดอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 ราย ที่จังหวัดกระบี่ เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 32 ปี ซึ่งนักท่องเที่ยวรายนี้ได้เดินทางเข้าประเทศไทยก่อนที่ประเทศจีนจะปิดสนามบินอู่ฮั่น

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com