• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563

    25 กุมภาพันธ์ 2563 | Economic News


· สถานการณ์ของไวรัสโคโรนา




- นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวเตือนถึงปัญหาไวรัสโคโรนาที่ดูจะส่งผลให้จีนเผชิญกับวิกฤตทางด้านสุขภาพที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมา หลังจากที่การแพร่ระบาดลุกลามไปยังเกาหลีใต้ และอิตาลี จึงยิ่งเพิ่มความกังวลต่อการแพร่ระบาดไปทั่วโลก

ขณะที่รายงานล่าสุดเมื่อคืนนี้ พบว่า มีผู้ติดเชื้อในจีนอย่างน้อย 77,150 ราย แต่หากรวมทั่วโลกจะพบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสทั้งสิ้นสูงกว่า 79,000 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวมแล้วสูงกว่า 2,600 ราย และภาพรวมมีการติดเชื้อทั่วดลกรวมทั้งสิ้น 37 ประเทศ และ 1 การขนส่งนานาชาติอย่างเรือสำราญ Diamond Princess นั่นเอง

- ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนร่วงลงหนักวานนี้จากการพบผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีน อันรวมถึงการพบในยุโรปและตะวันออกกลาง แต่สหรัฐฯกลับให้ความสนใจไปยังข้อมูลการพบผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯที่ลดลงตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนม.ค.



นอกจากนี้ การที่ WHO กล่าวถึงการปรับลดลงของการระบาดควบคู่กับความมีเสถียรภาพในจีนเพิ่มขึ้น โดยจะพบว่าการแพร่ระบาดดังกล่าวได้ทำจุดสูงสุดไปแล้วในช่วงระหว่าง 23 ม.ค. – 2 ก.พ. และจะเห็นได้ว่าจำนวนการติดเชื้อหรืออัตราการเสียชีวิตในจีนเริ่มมีการปรับตัวลดลง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการแพร่ระบาดไปยังนานาประเทศก็อาจเป็นเรื่องที่เลวร้ายเพิ่มมากขึ้น

จะเห็นได้ว่า เกาหลีใต้เรียกได้ว่าเผชิญปัญหาหนักจากการที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งเกิน 602 รายในเวลาอันรวดเร็ว รวมทั้งมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นด้วย ทางด้านอิตาลีรายงานล่าสุดพบผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นแตะ 229 รายแล้ว และมีผู้เสียชีวิตตามมาที่ 7 รายในพื้นที่กว่า 24 เขตของอิตาลี ทางด้านอิหร่านผู้ติดเชื้อสูงกว่า 40 ราย โดยล่าสุดอยู่ที่ 61 ราย และเสียชีวิตแล้ว 12 ราย

- Goldman Sachs ทำการปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงไตรมาสแรกเนื่องจากคาดว่า จีดีพีน่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดทั่วโลก และน่าจะเติบโตได้เพียง 1.2% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 1.4% โดยจะมีอัตราการเติบโตน้อยกว่าในช่วง Q4/2019 ที่ 2.1% ขณะที่จีดีพีโดยรวมในปี 2019 โตได้ 2.3%

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ภาคบริษัทต่างๆของสหรัฐฯสะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับลดกำลังการผลิต และนั่นจะเป็นอุปสรรคต่อห่วงโซ่อุปทานในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ หรือในช่วงครึ่งปีหลังตามมา

- สถาบัน ING คาด ยอดการท่องเที่ยวในเอเชียลด คาดมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.15 แสนล้านเหรียญในปีนี้ จากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโคโรนา

Trading Economics กล่าวว่า กำไรจากการท่องเที่ยวคิดเป็น 11% ของจีดีพีจีนในปี 2018

- ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจาก George Washington University’s School และอดีตคณะกรรมาธิการด้านสุขภาพจาก Baltimore กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาไปสู่หลายๆประเทศที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่น่าเป็นกังวล และจะเห็นได้ว่าในหลายๆประเทศก็ไม่ได้มีความก้าวหน้าด้านระบบสุขภาพที่ดีเพียงพอ จึงทำให้ค่อนข้างน่ากังวลเป็นอย่างมากกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาในประเทศเหล่านั้น เพราะการที่สถาบันหรือภาครัฐที่อ่อนแอและการที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในพวกเขาก็จะเป็นการยากที่จะทำให้หน่วยงานเหล่านี้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้

- United Airlines เป็นอีกหนึ่งสายการบินที่ปรับลดคาดการณ์ปี 2020 จากผลกระทบของไวรัสโคโรนา โดยในระยะสั้นเชื่อว่าจะได้รับผลกระทบเต็ม 100% จากอุปสงค์ในจีน ประกอบกับสายการบินน่าจะไม่สามารถเดินทางได้เต็มที่ระหว่างสหรัฐฯและกรุงปักกิ่ง, เมืองชางดู, เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกงตลอดจน 24 เม.ย.นี้

- รายงานจาก CNBC เผยว่า ทางทำเนียบขาวมีแผนจะร้องขอให้สภาคองเกรสทำการอนุมัติแพ็คเกจงบประมาณฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือทีมบริหารของนายทรัมป์ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยอาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้

- รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของทั้งสหรัฐฯและเกาหลีใต้ เผยถึงกองกำลังสหรัฐฯและเกาหลีใต้กำลังพิจารณาจะถอนกำลังการฝึกทหารร่วมกัน จึงยิ่งตอกย้ำถึงความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาด ณ ขณะนี้

· ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ หลังจากที่เมื่อวานนี้ตลาดเกิดสภาวะ Risk-Off จากการกระจายตัวของไวรัสโคโรนาไปสู่ประเทศต่างๆอย่างรวดเร็ว โดยค่าเงินเยนแข็งค่าลงมา 0.73% ที่ระดับ 110.74 เยน/ดอลลาร์ หลังจากไปทำแข็งค่ามากที่สุดของวันที่ 110.34 เยน/ดอลลาร์

ด้านค่าเงินดอลลาร์แม้จะถูกกดดันก็ยังมีแรงหนุนบางส่วนในฐานะ Safe-Haven โดยเมื่อวานนี้ปรับอ่อนค่าลงมาเล็กน้อย 0.095% ที่ 99.33 จุด

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ต่ำกว่าที่คาด ส่งผลให้ Money Markets คาดว่าเฟดน่าจะตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. อีก 0.25%

Fed Fund Futures คาดว่ามีโอกาสเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยได้มากกว่านั้น โดยคาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดในการประชุมเดือนเม.ย.ที่ 0.25% และตลอดทั้งปี อาจเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยรวมประมาณ 0.5%

อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางทั่วภูมิภาคเอเชียเองก็มีการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเมือง ในขณะที่ภาครัฐบาลให้คำมั่นว่าจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อเข้ากรุต้นเศรษฐกิจ ทางด้านธนาคารกลางในฝั่งตะวันตกก็อาจพิจารณาแนวทางการดำเนินนโยบายไปในทางเดียวกัน

· นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคสแลนด์ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในทิศทางที่ดี และคาดว่าจะยังปรับขึ้นไปในทิศทางที่ดีได้ต่อในปีนี้ ท่ามกลางแรงหนุนจากนโยบายการเงินในปัจจุบัน แม้ว่าจะเผชิญกับความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาก็ตาม โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯจะยังเติบโตได้ที่ระดับราว 2% จากตลาดแรงงานที่แข็งแก่รง และเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความไม่แน่นอนต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่จะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเช่นกัน

· ราคาน้ำมันดิบปรับร่วงลงเกือบ 4% เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนานอกประเทศจีน เพิ่มความกังวลให้กับเหล่านักลงทุนเกี่ยวกับปริมาณความต้องการน้ำมันดิบ

ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ปรับลดลงเช่นเดียวกัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสดังกล่าว ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อที่ปรับตัวสูงขึ้นในอิหร่าน อิตาลี และเกาหลีใต้

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ร่วงลง 3.8% ที่ระดับ 56.30 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 3.7% ที่ระดับ 51.43 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com