• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563

    24 กุมภาพันธ์ 2563 | Economic News

· ค่าเงินในตลาดเอเชียปรับอ่อนค่าต่อในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนานอกประเทศจีน ทำให้ตลาดพากันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและเงินดอลลาร์มากขึ้นแทน

แต่ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ไม่ได้ช่วยให้ค่าเงินเยนแข็งค่าได้แต่อย่างใด

โดยค่าเงินเยนหลังจากฟื้นตัวแข็งค่าได้บ้างเมื่อสัปดาห์ ในวันนี้ค่าเงินทรงตัวแถว 111.55 เยน/ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดมองว่าประเทศญีปุ่นก็มีความเสี่ยงที่จะเผชิญการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในระดับสูง

ด้านค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก หลังจากอ่อนค่าลงเนื่องจากรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจคืนนี้วันศุกร์ที่ไม่ค่อยสดใส

ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโรแถว 1.0827 ดอลลาร์/ยูโร กับปอนด์แถว 1.2946 ดอลลาร์/ปอนด์ กับค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแถว 0.6613 ดอลลาร์ และกับค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แถว 0.6324 ดอลลาร์

· ฝรั่งเศสคาดจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 30 – 40% เนื่องจากไวรัสโคโรนา

รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฝรั่งเศส ระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในฝรั่งเศสมีแนวโน้มที่จะลดลงไปถึง 30 – 40% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งนั่นจะเป็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจฝรั่งเศสอย่างแน่นอน

ฝรั่งเศสถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามามากที่สุดในโลก โดยในปี 2018 ฝรั่งเศสมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมถึง 89.4 ล้านคน และการท่องเที่ยวคิดเป็น 8% ของภาพรวม GDP ของประเทศฝรั่งเศส



KEY HEADLINES:

- รัฐบาลจีนรายงานว่าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกภายในพื้นที่เมืองอู่ฮั่นของมณฑลหูเป่ย แต่ภาพรวมสถานการณ์ยังอยู่ในภาวะตึงเครียด

- กระทรวงพาณิชย์จีนคาดว่าภาคการบริโภคจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ภายในไตรมาสที่ 2/2020 ซึ่งรัฐบาลจะมีการออกมาตรการมาสนับหนุนการค้าเพิ่มเติมอีก

- จีนเผยมูลค่าการปล่อยกู้ในเดือน ม.ค. ออกมาที่ 3.34 ล้านล้านหยวน เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.1 ล้านล้านหยวน

- ยอดค้าปลีกอังกฤษไม่รวมพลังงานเดือน ม.ค. ขยายตัว 1.6% เทียบกับคาดการณ์ที่ 0.8%

- S&P คาดการเติบโตเศรษฐกิจจีนปี 2020 ชะลอตัวลงสู่ระดับ 5% คาดเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสที่ 3/2020

- คาดรายงานปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐฯ โดยน้ำมันดิบคาดเพิ่ม 4.2 ล้าน, แก๊ซโซลีนลด 2.7 ล้าน และ แก๊สธรรมชาติลด 2.6 ล้าน

· 4 มณฑลใหญ่ในจีนประกาศลดระดับการเฝ้าระวังไวรัส

มณฑลใหญ่ทั้ง 4 มณฑลในประเทศจีนประกาศลดระดับการเฝ้าระวังการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งได้แก่มณฑลยูนนาน มณฑลกวางตุ้ง มณฑลชานซี และมณฑลกุ้ยโจว

โดยทางมณฑลยูนนานและมณฑลกุ้ยโจวประกาศลดระดับการเฝ้าระวังลงจากระดับ 1 สู่ระดับ 3 (level I to level III) ขณะที่มณฑลกวางตุ้งและมณฑลชานซีลดระดับการเฝ้าระวังสู่ระดับ 2

ทั้งนี้ จีนกำหนดระดับการเฝ้าระวังด้านสุขอนามัยไว้ 4 ระดับ โดยระดับ 1 คือระดับที่มีความความตึงเครียดสูงสุด

· นักวิเคราะห์จาก Citi เตือน ความกังวลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนาในเกาหลีใต้แพร่ระบาดออกไปรวดเร็วยิ่งกว่าตัวไวรัสเองเสียอีก หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อเฉพาะในเกาหลีใต้พุ่งขึ้นแตะระดับ 760 รายในวันนี้ ขณะที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้คาดว่าจะยังอยู่ในวงจำกัดหรือเฉพาะภายในพื้นที่ที่เกิดการระบาดเท่านั้น

· ความกังวลไวรัสโคโรนา ทำให้ตลาดมีการเคลื่อนไหวที่ประหลาด

รายงานจาก Reuters ระบุว่าสินทรัพย์บางตัวในตลาดกำลังมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ขัดกับหลักทฤษฎี ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการเตรียมพอร์ตของนักลงทุนให้เหมาะสมกับแนวโน้มที่เศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

สินทรัพย์ดังกล่าวคือหุ้นสหรัฐฯ ทองคำ พันธบัตร และดอลลาร์ ที่ต่างปรับสูงขึ้นได้ในปี 2020 ซึ่งการเคลื่อนไหวไปในทิศทางขาขึ้นเหมือนๆกันของทั้ง 4 สินทรัพย์นี้ ไม่ใช่เรื่องปกติ ซึ่งโดยปกติแล้วสินทรัพย์เหล่านี้มักจะมีการเคลื่อนไหวที่สวนทางกันเสมอ ยกตัวอย่างเช่น ตลาดหุ้นในทิศทางขาขึ้นมักจะสอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ในขณะที่ทิศทางราคาทองคำในขาขึ้นมักสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจชะลอตัว

ทฤษฎีดังกล่าวขัดแย้งกับการเคลื่อนไหวของตลาดปีนี้ โดยจะเห็นได้ว่าดัชนี S&P 500 สามารถปรับขึ้นมาได้ 3.3% ในปี 2020 และเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ราคาทองคำปรับสูงขึ้นมาได้ถึง 8.3% ใกล้ระดับสูงสุดรอบ 7 ปี ส่วนดัชนีดอลลาร์แข็งค่า 3% ใกล้ระดับสูงสุดรอบ 3 ปี ซึ่งการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ของทั้ง 3 สินทรัพย์เคยเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งภายในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเท่านั้น

บรรดานักวิเคราะห์มีมุมมองว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่นักลงทุนไม่ต้องการที่จะลดสถานะในตลาดหุ้นที่สามารถคงทิศทางขาขึ้นมาได้ยาวนานกว่าทศวรรษ ขณะที่ส่วนหนึ่งพยายามเข้าซื้อทองคำเพิ่มในพอร์ตเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากโอกาสที่เศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงมากกว่าที่คาด

ในขณะเดียวกัน ตลาดให้ความสนใจไปยังตลาดหุ้นและพันธบัตรของสหรัฐฯ เนื่องจากตลาดมองว่าสหรัฐฯมีความเสี่ยงที่จะเผชิญการระบาดของเชื้อไวรัสน้อยกว่าประเทศในแถบเอเชียและยูโรโซน จึงหนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

· ความกังวลไวรัสโคโรนาในจีนเริ่มผ่อนคลาย

ความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาเฉพาะภายในประเทศจีนเริ่มผ่อนคลายลง รวมถึงมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมในบางพื้นที่ของจีน หลังจีนรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ไม่รวมมณฑลหูเป่ยออกมาเพิ่มขึ้นเพียง 11 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. ขณะที่เมืองใหญ่อย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ รวมถึงมณฑลสำคัญอย่างมณฑลเหอหนานและมณฑลอันฮุยต่างไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่

อย่างไรก็ตาม แม้ความกังวลเฉพาะในประเทศจีนจะลดลงไป แต่ความกังวลว่าจะกลายเป็นการระบาดในระดับโลกกลับเพิ่มสูงขึ้น หลังเกาหลีใต้ อิหร่าน และอิตาลี ต่างรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา


· หลังจากมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในเกาหลีใต้ และทางรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทางสุขอนามัยแล้ว ล่าสุดมี 14 ประเทศที่ได้ประกาศระงับหรือควบคุมการเดินทางเข้า-ออกเกาหลีใต้แล้ว

ซึ่งประเทศเหล่านั้น ได้แก่ อิสราเอล, บาห์เรน, จอร์แดน, คิริบาตี, ซามัว, บรูไน, อังกฤษ, เติร์กเมนิสถาน, คาซัคสถาน, มาเก๊า, โอมาน, เอธิโอเปีย, กาตาร์, อูกันดา, และสหรัฐฯ

· รายงานจาก Reuters ระบุว่า นายมหาเธร์ มูฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ยื่นจดหมายลาออกแก่กษัตริย์มาเลเซีย ในขณะที่รัฐบาลกำลังเจรจาเกี่ยวกับการจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลขึ้นมาใหม่ ซึ่งทางรัฐบาลจะมีการเปิดเผยรายละเอียดตามมาในภายหลัง

· อุตสาหกรรมจีนเริ่มกลับมาดำเนินกิจการมากขึ้น

รายงานจากรัฐบาลจีนระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมใน 3 มณฑลของจีนที่มีการส่งออกมากที่สุด เริ่มกลับมาดำเนินกิจการเป็นวงกว้างขึ้น

โดยภายในมณฑลเจ้อเจียงภาคอุตสาหกรรมได้กลับมาดำเนินกิจการเกือบ 90% ขณะที่มณฑลกวางตุ้งและมณฑลเจียงซูกลับมาดำเนินงานมากกว่า 70% นับเฉพาะบริษัทที่มีผลประกอบการมากกว่า 20 ล้านหยวน (2.86 ล้านเหรียญ) ในธุรกิจหลักของพวกเขาเท่านั้น ขณะที่ภาพรวมทั่วประเทศจีน การผลิตถ่านหินกลับมาแถว 76% กระบวนการผลิตอาหารกลับมาแถว 70% การคมนาคมทางรถไฟฟ้าฟื้นกลับมาแถว 95% ของช่วงก่อนวันหยุดในเทศกาลตรุษจีน การผลิตเหล็กและโลหะก่อสร้างกลับมาแถว 67% ส่วนการผลิตกลุ่มโลหะที่ไม่ใช่เหล็กอยู่แถว 86%


· ราคาน้ำมันปรับร่วง 3% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาในต่างประเทศนอกเหนือจากจีน ทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับปริมาณอุปสงค์น้ำมันที่อาจร่วงลดต่ำลง โดยเฉพาะหลังจากมีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นอย่างมากในอิหร่าน อิตาลี และเกาหลีใต้


โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลง 1.78 เหรียญ หรือ -3% แถวระดับ 56.72 เหรียญ/บาร์เรล ทำระดับต่ำสุดระหว่างวันที่ 56.53 เหรียญ/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 1.53 เหรียญ หรือ -2.9% แถวระดับ 51.85 เหรียญ/บาร์เรล

· หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดจาก CMC Markets กล่าวว่า ค่อนข้างแน่ชัดตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้วในส่วนของภาพรวมทางเศรษฐกิจที่น่าจะได้รับผลกระทบเป็นการชั่วคราวเนื่องจากมีมาตรการต่างๆจากธนาคารกลางทั่วโลกที่เข้ามาสนับสนุน แต่เมื่อมองการตอบรับของตลาดยุโรปและตลาดสหรัฐฯ จะพบถึงความกังวลต่อเนื่องเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว และทำให้นักลงทุนตั้งคำถามเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก รวมทั้งมีแรงกดดันเข้ามาในตลาดน้ำมัน

ทางด้านรัฐบาลเกาหลีใต้หลังส่งสัญญาณเตือนภัยระดับสูง ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเกินกว่า 700 ราย และเสียชีวิตในประเทศ 7 ราย ขณะที่อิตาลี พบผู้เสียชีวิต 3 ราย และติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นกว่า 150 ราย จากจำนวน 3 รายในช่วงก่อนวันศุกร์


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com