MTS Help Center

· สำนักงานคณะกรรมาธิการสาธารณสุขจีน เผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 98 ราย ปัจจุบันอยู่ที่ 1,886 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 72,436 ราย

· โรงพยาบาล BHP กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่มียอดผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 70,000 รายส่วนใหญ่เป็นจีน ถือเป็นอีกหนึ่งความไม่แน่นอนที่จะส่งผลต่อบริษัทในอนาคต

· นายหลี่ เคอะเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า การควบคุมโรคระบาดในจีนกำลังชะลอตัวลง และรัฐบาลก็หามาตรการเพื่อจำกัดและหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง พร้อมกับยังคงกักกันประชาชนไม่ให้ออกนอกพื้นที่

· ญี่ปุ่นประกาศยกเลิกการเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาขององค์จักพรรดิในสัปดาห์หน้า เพื่อจำกัดประชาชนให้อยู่ในพื้นที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา พร้อมกับยุติการวิ่งมาราธอนที่กรุงโตเกียวด้วย

· ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงทำต่ำสุดในรอบ 3 ปี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนักลงทุนภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่อ่อนแอ ท่ามกลางจีนที่พยายามจำกัดความเสียหายของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา จึงช่วยบรรเทาความผันผวนของตลาดได้บ้างพร้อมทั้งค่าเงินหยวนและออสเตรเลียดอลลาร์ที่ปรับขึ้น

เมื่อวานนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของยูโรโซนออกมาค่อนข้างอ่อนแอ แต่นักลงทุนก็ยังรอคอยการประกาศข้อมูลความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีในวันนี้ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ PMI ที่จะประกาศนในวันศุกร์ ซึ่งจะเป็นการสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจยูโรโซน

ภาพรวมค่าเงินยูโรรีบาวน์ปิดแถว 1.0845 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ช่วงต้นตลาดไปทำอ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่กลางปี 2017 ที่ระดับ 1.0817 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้น 0.1% ที่ 109.84 เยน จากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของญี่ปุ่น โดยจีดีพีไตรมาสที่ 4/2019 ออกมาหดตัวลง 1.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 6 ปี อันได้รับผลกระทบจากการการขึ้นภาษียอดขาย

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 99.095 จุด ใกล้กับระดับสูงสุดรอบ 4 เดือนครึ่งที่ทำไว้ในคืนวันศุกร์ที่ 99.241 จุด

ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ 6.9815 หยวน

นักวิเคราะห์บางส่วนมีมุมมองว่าตลาดกำลังได้รับผลสะท้อนจากข่าวไวรัสโคโรนาเป็นสำคัญ ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนและประเทศอื่นๆในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย

· นักกลยุทธ์จาก Nomura ระบุว่า คาดการณ์ใหม่ของเราเชื่อจีดีพีจีน Q1 น่าจะโตได้เพียง 3% เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆก็ดูจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอจะช่วยผลักดันการเติบโต

· ธนาคารกลางเยอรมนี กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจเยอรมนียังคงอ่อนแอในช่วงไตรมาสแรกอของปีนี้ อันเป็นผลจากความอ่อนแอของการส่งออก รวมทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในจีน ขณะที่จีดีพี Q4/2019 ที่ผ่านมา เติบโตได้เพียง 0.6% อันเนื่องจากภาคการผลิตมีการปรับตัวลงเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

· รายงานจากรอยเตอร์ส สะท้อนว่า จีนอาจเลื่อนการประชุมสภาร่วมกับที่ปรึกษาระดับสูงทางการเมืองเพื่อพิจารณาถึงการเลื่อนการจัดประชุมประจำปีในเดือนมี.ค.ออกไปก่อน

· นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ กล่าวว่า บีโอเจอาจตัดสินใจเพิ่มนโยบายผ่อนคลายทางการเงินได้หากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาส่งสัญญาณคุกคามการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นและแนวโน้มด้านเงินเฟ้อ

· ยอดค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนของอังกฤษประจำเดือนก.พ.แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นสัญญาณของความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น นับตั้งแต่การเลือกตั้งของนายบอริส จอห์นสันนายกรัฐมนตรีในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา

ผลสำรวจ IHS Markit เผยดัชนีภาคครัวเรือนประจำเดือนก.พ.ปรับตัวสูงขึ้น 47.6 จากเดิมที่ 44.6 เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่การสำรวจเริ่มขึ้นเมื่อ 11 ปีที่แล้ว

นักเศรษฐศาสตร์ประจำ IHS Markit ระบุว่า รายงานล่าสุดแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาหลายอย่าง อาจส่งผลให้ธนาคารกลางของอังกฤษผลักดันเและสร้างมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีอย่างต่อเนื่องในประเทศจีน จึงกดดันคาดหวังที่ว่าการลดกำลังการผลิตจากผู้ผลิตรายใหญ่สามารถทำให้อุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกตึงตัว ขณะที่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบางเนื่องในวันหยุด Presidents' Day

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ ที่ระดับ 57.59 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นได้ 5.2% ซึ่งเป็นภาพรวมรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี2019

ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ ที่ระดับ 52.28 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากเพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว