• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563

    14 กุมภาพันธ์ 2563 | Economic News



· ค่าเงินเยนทรงตัวในแดนแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งหนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในตลาด

ค่าเงินหยวนฟื้นตัวแข็งค่าเล็กน้อย หลังจากอ่อนค่าลงเนื่องจากความกังวลในการระบาดของไวรัส



ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์และสวิสฟรังก์ ท่ามกลางแรงกดดันจากความกังวลในภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรปก่อนหน้าการประกาศตัวเลข GDP ของยูโรโซนในวันศุกร์นี้



ค่าเงินเยนทรงตัวแถว 109.81 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่แข็งค่าขึ้น 0.25% ในช่วงก่อนหน้า


ด้านค่าเงินหยวนในประเทศอ่อนค่า 0.09% แถว 6.9841 หยวน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินหยวนนอกประเทศอ่อนค่าเล็กน้อยแถว 6.9860 หยวน/ดอลลาร์ หลังจากอ่อนค่า 0.2% เมื่อวาน



ค่าเงินยูโรอ่อนค่า 0.1% แถว 1.0827 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน เม.ย. ปี 2017 ก่อนหน้าการประกาศตัวเลข GDP ของเยอรมนีและยูโรโซนในวันศุกร์นี้



ค่าเงินปอนด์ค่อนข้างทรงตัวแถว 1.3046 ดอลลาร์/ปอนด์ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะแต่งตั้งรัฐมนตรีการคลังคนใหม่ที่จะนำมาซึ่งนโยบายใช้จ่ายของรัฐที่มีประสิทธิภาพสำหรับกระบวนการถอนตัวออกจากอียูมากขึ้น

· รายงานจาก Financial Times ระบุว่า เฟดกำลังเร่งอัตราการถอยออกจากนโยบายสนับสนุนเงินทุนให้กับตลาดในระยะสั้นเร็วยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าบรรดานักลงทุนยังคงมีความต้องการในเงินทุนสำรองจากเฟดอยู่ระดับสูงก็ตาม

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เฟดสาขานิวยอร์กได้เปิดเผยว่าจะทำให้ลดขนาดการเข้าแทรกแซงตลาด Repo หรือธุรกรรมซื้อคืน ซึ่งเป็นตลาดที่บรรดานักลงทุนแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์คุณภาพสูงอย่างพันธบัตรสหรัฐฯเป็นเงินสด จึงเป็นสัญญาณล่าสุดของการที่เฟดจะผลักดันนักลงทุนออกจากกองทุนที่เฟดเป็นผู้ออกให้กับตลาดเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา



นโยบายใหม่ที่จะลดขนาดกองทุนเฟดเป็นผู้ปล่อยให้กู้ในแต่ละวัน จะถูกปรับลงจากระดับ 1.2 แสนล้านเหรียญ สู่ระดับ 1 แสนล้านเหรียญ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ เฟดจะจำกัดมูลค่าการปล่อยระยะ 2 สัปดาห์ลงสู่ระดับ 2.5 หมื่นล้านเหรียญ จากเดิมที่ 3 หมื่นล้านเหรียญ ภายในเดือน มี.ค. เมื่อเป็นเช่นนั้น เฟดจะมีเพดานของอัตราปล่อยกู้ยะยะ 2 สัปดาห์อยู่ที่ 2 หมื่นล้านเหรียญ



บรรดานักวิเคราะห์ต่างมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เนื่องจากนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด และสมาชิกเฟดรายอื่นๆ ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการถอยห่างออกจากตลาด Repo มาตลอดช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะสร้างความประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์บางราย เนื่องด้วยมูลค่าที่ปรับลดลงมากกว่าที่คาดไว้ก็ตาม

· กระทรวงการคลังจีนประกาศโยกย้ายเงินทุนเพิ่มสำหรับการรับมือการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นมูลค่าอีก 8.055 หมื่นล้านเหรียญ (1.15 หมื่นล้านเหรียญ) พร้อมระบุว่าจีนได้ใช้งบประมาณ สำหรับการรับมือไวรัสมูลค่า 41 ล้านหยวนไปหมดแล้ว

ทั้งนี้ เงินทุนสำหรับการรับมือไวรัสของรัฐบาลจีนได้เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าเกือบ 2 พันล้านเหรียญ จากเดิมที่ 6.674 หมื่นหยวนเมื่อสัปดาห์ก่อน

· รายงานอย่างเป็นทางการจากทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ระบุว่าทางสหรัฐฯมีความไม่มั่นใจต่อข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่ได้รับมาจากทางการจีน พร้อมระบุว่าจีนยังคงปฏิเสธความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ

· การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนายังคงไร้วี่แววว่าผ่านช่วงวิกฤติที่สุดไปแล้ว หลังจากที่จีนรายงานจำนวนผู้ติดเชื่อรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 5,000 ราย ขณะที่ผู้โดยสารบนเรือสำรารที่ถูกต้องสงสัยว่าติดเชื้อและถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นฝั่งจาก 5 ประเทศ ล่าสุดได้รับอนุญาตให้ขึ้นฝั่งในประเทศกัมพูชาแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อและความมั่นคงระหว่างประเทศจาก University of Sydney มีความเห็นว่า จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่าการระบาดของเชื้อไวรัสยังคงไม่ผ่านพ้นช่วงวิกฤติที่สุดไป และถึงแม้รัฐบาลจีนจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส แต่ดูเหมือนความพยายามดังกล่าวอาจน้อยหรือสายเกินไปเสียแล้ว

· ผลสำรวจจาก Reuters โดยบรรดานักเศรษฐศาสตร์ เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะได้รับผลกระทบจากระบาดของเชื้อไวรัสและชะลอตัวลงมากที่สุดภายในไตรมาสแรกนี้ แต่จะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ทันทีที่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้

ทั้งนี้ แบบสำรวจประเมินว่าเศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกจะชะลอการเติบโตสู่ระดับ 4.5% จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 6.0% ซึ่งจะทำให้ภาพรวมรายปีชะลอการเติบโตลงไปที่ 5.5% เทียบกับปี 2019 ที่ 6.1% จึงเป็นอัตราเติบโตที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990



อย่างไรก็ตาม บรรดานักเศรษฐศาสตร์เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างเร็วที่สุดในไตรมาสที่ 2 โดยคาดอัตราเติบโตในไตรมาสดังกล่าวไว้ที่ 5.7%

· ผลสำรวจจาก Reuters ระบุว่า ยอดส่งออกของญี่ปุ่นประจำเดือนม.ค.อาจจะปรับตัวลดลง 6.9% หลังจากปรับตัวลดลง 6.3% เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งลดลงติดต่อกัน 14 เดือน ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรคาดว่าจะลดลงอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบปี

เหล่านักวิเคราะห์ ระบุว่า การส่งออกที่คาดว่าจะลดลงในเดือนที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวันหยุดเทศกาลตรุษจีนและการได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

· นางจูดี้ เชลตัน ว่าที่ประธานเฟดที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นผู้เสนอชื่อด้วยตัวเอง เผชิญการสัมภาษณ์กับคณะกรรมการของพรรคเดโมแครตที่ดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่น ส่งผลให้โอกาสที่เธอจะได้รับตำแหน่งประธานเฟดดูจะริบหรี่ลง

โดยหนึ่งในคณะกรรมการของเดโมแครตได้ให้ความคิดเห็นว่าเธอมีแนวคิดที่ค่อนข้างสุดโต่งมากเกินไป และแนวคิดดังกล่าวก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันได้หรือไม่

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ ขณะที่ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับขึ้นเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 6 สปัดาห์ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะทำการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อชดเชยกับภาวะการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันที่เผชิญกับภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 13 เซนต์ ที่ 56.47 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ปรับขึ้นไปกว่า 1% ในวันก่อนหน้า และสัปดาห์นี้ปรับขึ้นได้ประมาณ 3.7% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นได้เป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.



น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 14 เซนต์ ที่ระดับ 51.56 เหรียญ/บาร์เรล โดยที่ปรับขึ้นต่อจากที่ปิด +0.5% เมื่อคืนนี้ ขณะที่สัปดาห์นี้ปรับขึ้นได้ 2.4%

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com