• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563

    11 กุมภาพันธ์ 2563 | Economic News

· ค่าเงินในแถบเอเชียปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ท่ามกลางสัญญาณชะลอตัวของอัตราการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยยอดผู้เสียชีวิตลล่าสุดอยู่ที่ 1,016 ราย โดยค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับแข็งค่าขึ้น 0.3% ที่ 0.6707 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่เงินหยวนแข็งค่าที่ 6.9773 หยวน/ดอลลาร์ ขานรัับธนาคารกลางจีนที่คงค่ากลางเงินหยวน แม้ว่าดอลลาร์จะแข็งค่าตลอดตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้

สำหรับค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเล็กน้อยมาท่ี่ 109.84 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางเนื่องในวันหยุดประจำชาติของญี่ปุ่น จึงส่งผลให้ตลาดการเงินส่วนใหญ่ปิดทำการ



· องค์การอนามัยโลกกล่าวเตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ท่ามกลาง JPMorgan ที่ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไตรมาสแรกนี้ จากภาวะภาคธุรกิจชะลอตัว และกระทบห่วงโซ่อุปทาน

อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินรอคอยการกล่าวถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนวันนี้และวันพรุ่งนี้ต่อสภาคองเกรส โดยถูกคาดว่าจะกล่าวย้ำถึงทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ดำเนินไปด้วยดี แต่อัตราเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับต่ำ





· นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ค่าเงินเยนมีการปรับอ่อนค่าขึ้นท่ามกลางตลาดที่มีความเชื่อมั่นดีขึ้น และลดความกังวลจากกรณีที่ไวรัสโคโรนายังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ารอถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ค่าเงินเยนจึงปรับอ่อนค่ามาที่บริเวณ 110 เยน/ดอลลาร์

ค่าเงินเยนค่อนข้างทรงตัวในกรอบเป็นลักษณะค่อยๆปรับลง ซึ่งจากภาพกราฟราย 4 ชั่วโมง ราคาที่ทรงตัวแถวเส้นค่าเฉลี่ย 20 SMA ดูจะจำกัดการปรับอ่อนค่ามากกว่านี้ได้ แต่หากค่าเงินเยนยืนได้เหนือเส้นค่าเฉลี่ย SMA ราย 100 และ 200 วัน ก็มีโอกาสเห็นค่าเงินเยนอ่อนค่าไปได้อีก แต่ในทางตรงข้ามการที่เส้น RSI ทรงตัวแนว 53 จุด ก็อาจเห็นค่าเงินกลับมาแข็งค่าได้ ซึ่งหากค่าเงินหลุดต่ำกว่าระดับแนวรับ 109.40 เยน/ดอลลาร์ ก็จะกลับทดสอบระดับเป้าหมายบริเวณ 108.65 เยน/ดอลลาร์



· International Data Corporation หรือ IDA เผยว่า ข้อมูลการขนส่งอุปกรณ์สมาร์ทโฟนของจีนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีแนวโน้มจะปรับตัวลงกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยประสบกับภาวะ "Black Swan" ตลอดช่วงครึ่งปีแรกนี้ อันเป็นผลจากภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสูงกว่า 1,000 รายในจีน

ทั้งนี้ ภาวะ Balck Swan คือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน โดยจะเห็นว่า ไวรัสโคโรนาเข้ากระทบจีนตั้งแต่ช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผู้คนมักนิยมจับจ่ายใช้สอยกันในช่วงเดือนม.ค. และการแพร่ระบาดของไวรัสดูจะส่งผลต่อแผนการปล่อยสินค้า, ห่วงโซ่อุปทาน, สร้างอุปสรรคต่อช่องทางการดำเนินการตั้งแต่ระยะกลางไปจนถึงระยะยาว



· ในการกล่าวรายงานต่อสภาคองเกรสของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด คืนนี้ นายโพเวลล์มีแนวโน้มสูงที่จะกล่าวถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯในทิศทางที่ค่อนข้างสดใส แต่ก็จะมีการส่งสัญญาณว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ

รายงานของนายโพเวลล์น่าจะสอดคล้องกับเล่มรายงานที่ทางเฟดส่งมอบให้กับสภาคองเกรสเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่าไว้ว่า อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5 – 1.75% คือระดับที่ “เหมาะสม” ซึ่งจะช่วยเศรษฐกิจคงทิศทางการเติบโตต่อไปได้

นักวิเคราะห์จากสถาบัน Cornerstone Macro ระบุว่า หากเฟดจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยใดๆ ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโคโรนาเท่านั้น แต่ในถ้อยแถลงคืนนี้ นายโพเวลล์มีแนวโน้มที่กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังอยู่ในสภาวะที่สดใส



· นายเดวิด มัลพาส ประธาน World Bank ระบุว่า ทาง World Bank กำลังร่วมมือกับทางองค์กร WHO เพื่อเสนอความช่วยเหลือในเชิงเทคนิคให้กับประเทศจีนในการรับมือกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา อย่างเช่นให้คำปรึกษาในด้านสุขภาพและข้อเรียกร้องต่างๆ แต่ไม่มีแผนที่จะปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศจีนแต่อย่างใด เนื่องจากจีนมีทรัพยากรมากพออยู่แล้ว




· ราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้น 1% ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้น แต่นักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลต่อไวรัสโคโรนาที่มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 1,000 คน ในประเทศจีน

น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 53 เซนต์ เกือบ 1% ที่ระดับ 53.80 เหรียญ/บาร์เรล ลดลงจากระดับสูงสุดที่ 54.16 เหรียญ ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 46 เซนต์ ที่ประมาณ 1% ที่ระดับ 50.18 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com