• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563

    4 กุมภาพันธ์ 2563 | Economic News


 
· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา



ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมาธิการด้านสุขภาพจีน ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 64 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งแตะ 425 ราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3,235 ราย สู่ระดับ 20,438 ราย

- สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกาศยกเลิกเที่ยวบินจีนทั้งไปและเข้าประเทศทั้งหมด โดยจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งเป็นต้นไป ขณะที่สายการบินจากกรุงปักกิ่งเท่านั้นจะเป็นแห่งเดียวที่ได้รับการยกเว้น

- เจ้าหน้าที่ระดับสูง WHO เตือนว่าอาจเป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ทันรับมือกับโรคระบาดครั้งต่อไปได้ และเรียกร้องให้ประเทศสมาชิก 196 ประเทศร่วมมือกันเพื่อเตรียมความพร้อม ไม่ใช่ตื่นตระหนก เพราะการแพร่ระบาดอย่างไม่ทันตั้งตัวจะทำให้เครื่องมือทางการแพทย์ไม่เพียงพอเหมือนที่ผ่านมา

- รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า จีนเห็นพ้องกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯเข้าสู่ประเทศจีนร่วมกับ WHO เพื่อพยายามต่อสู้กับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสโคโรนา ที่ส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตและติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

- โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวตำหนิสหรัฐฯที่ใช้มาตรการที่สร้างความหวาดหลัวให้แก่ประชาชนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่กำลังระบาดในจีน แทนที่จะเสนอความเชื่อเหลือแก่จีน และสหรัฐฯเองก็เป็นประเทศแรกที่เสนอให้ถอดถอนเจ้าหน้าที่ทางการทูตบางส่วนออกจากจีน รวมทั้งเป็นประเทศแรกที่ห้ามนักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศ ดังนั้น ทางการจีนจึงคาดหวังว่าประเทศอื่นๆจะตัดสินใจอย่างสมเหตุผล และยึดตามหลักวิทยาศาสตร์

· ค่าเงินในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัยอ่อนตัวลงทั้งค่าเงินเยนและสวิสฟรังก์ ท่ามกลางความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และตลาดคลายกังวลไวรัสโคโรนาบางส่วนหลังจากที่จีนออกมาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสครั้งใหม่ รวมทั้งการให้คำมั่นจะทำทุกวิถีทางเพิ่มขึ้นเพื่อยับยั้งไวรัสดังกล่าว

ตลาดจีนในวันทำการแรกเมื่อวานนี้เงินหยวนอ่อนค่าไปแตะ 7.023 หยวน/ดอลลาร์ก่อนจะปิดแข็งค่าลงมา 0.2% ที่ 7.014 หยวน/ดอลลาร์ ในส่วนของดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และตอบรับกับข้อมูลภาคการผลิตจาก ISM ที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. โดยดัชนีดอลลาร์ปิด +0.4% แตะ 97.805 จุด

ด้านยูโรอ่อนค่าลง 0.3% ที่ 1.1062 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงหลังจากที่อังกฤษออกจากอียูเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ตลาดรอคอยท่าทีต่อไปเกี่ยวกับทิศทางอนาคตระหว่างอังกฤษกับอียู โดยเงินปอนด์อ่อนค่าลง 1.6% ที่ 1.3030 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่ตลาดก็ตอบรับกับการที่บีโออีตัดสินใจคงดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว

· นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า กล่าวว่า เงินเฟ้อสหรัฐฯอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ ควบคู่กับทิศทางเศรษฐกิจที่มีการจ้างงานใกล้เต็มรูปแบบ ดังนั้น เฟดจึงควรคงดอกเบี้ยต่อไปในเวลานี้

· น้ำมันดิบร่วงลงหลุด 50 เหรียญ/บาร์เรล ทำต่ำสุดใหม่รอบกว่า 1 ปี

น้ำมันดิบร่วงลงแตะต่ำสุดรอบกว่า 1 ปี เหตุตลาดกังวลค่อการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน โดยทาง RBC ระบุว่า ตลาดน้ำมันมีอุปทานล้นตลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตทางการเงินปี 2008 และการมาของไวรัสโคโรนาจึงเป็นสิ่งที่สร้างความผันผวนให้แก่ตลาด โดยจีนนั้นถือเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก ดังนั้น โรคระบาดที่กำลังเผชิญจึงอาจส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันชะลอตัว และนี่ถือเป็นผลกระทบใหญ่ต่อราคาน้ำมัน

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในจีนที่ดูจะเป็นอุปสรรคต่ออุปสงค์น้ำมัน จึงมีโอกาสเห็นกลุ่มโอเปกและพันธมิตรทำการปรับลดกำลังการผลิตต่อ โดยน้ำมันดิบ Brent ปิด -2.17 เหรียญ หรือ -3.8% ที่ระดับ 54.45 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดตั้งแต่ม.ค. ปีที่แล้ว

ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 1.45 เหรียญ ที่ระดับ 50.12 เหรียญ/บาร์เรล โดยไปทำต่ำสุดระหว่างวันที่ 49.91 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นต่ำสุดตั้งแต่ม.ค. ปี 2019

ขณะที่โรงกลั่นน้ำมันในเมืองชางดง ที่เป็นแหล่งนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ลำดับที่ 5 ของจีน มีการปรับลดกำลังการผลิต 30% - 50% จากช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com