• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 31 มกราคม 2563

    31 มกราคม 2563 | Economic News

  สถานการณ์ไวรัสโคโรนา


· องค์กรอนามัยโลก ประกาศให้การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นภาวะฉุกเฉิกระดับโลก หลังจากที่ยอดผู้เสียชีวิตเมื่อวานนี้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 170 รายในประเทศจีน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อสูงกว่า 7,800 ราย ขณะที่รายงานจากนานาประเทศมีการพบผู้ติดเชื้อเกือบ 100 ราย

ส่วนยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลก เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 8,200 ราย ส่งผลให้ทางองค์กรอนามัยโลกตัดสินใจประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉิน เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลของแต่ละประเทศออกมาตรการเพื่อช่วยควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัส


· รายงานล่าสุดจากจีน พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนารวมเป็น 213 ราย และติดเชื้อทั้งหมด 9,692 ราย เฉพาะในประเทศจีน

· รายงานจากองค์กรอนามัยโลก ระบุว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาเกิดขึ้นเร็วยิ่งกว่าโรคซาร์สในปี 2003 โดยภายในเวลาเพียง 1 เดือน พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกไปแล้วกว่า 8,200 ราย เทียบกับโรคซาร์สที่มียอดผู้ติดเชื้อ 8,098 ราย ในช่วงวันที่ 1 พ.ย. ปี 2002 จนถึง วันที่ 31 ก.ค. ปี 2003 หรือใช้เวลาประมาณ 9 เดือน

· เมื่อคืนนี้ หน่วยงานด้านการควบคุมโรคติดต่อและสาธารณสุขแห่งรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐฯ ยืนยันแล้วว่าพบการติดเชื้อแบบคนสู่คนเป็นรายแรก ซึ่งเป็นผู้หญิงจากรัฐชิคาโกที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่ฮั่น สหรัฐฯจึงเป็นประเทศที่ 5 ที่ยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อแบบคนสู่คน

· ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากการประกาศตัวเลข GDP ของสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ ที่ถึงแม้จะออกมาทรงตัวตามคาด แต่ภาพรวมรายปี 2019 GDP สหรัฐฯกลับเติบโตได้ช้าที่สุดในรอบ 3 ปี ทำให้นักลงทุนบางส่วนเสียความเชื่อมั่นในฐานะ Safe-haven ของค่าเงินดอลลาร์และหันไปหาค่าเงินเยนและสวิสฟรังก์มาก

โดยดัชนีดอลลาร์อ่อนค่า 0.14% แถว 97.858 ขณะที่ค่าเงินเยนและสวิสฟรังก์แข็งค่า 0.21% กับ 0.36% ตามลำดับ

· เมื่อคืนนี้ เกิดสัญญาณของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯอีกครั้ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับลดลงที่ระดับ 1.546% ซึ่งต่ำกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 3 ปีที่ 1.554% เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี จะฟื้นตัวกลับมา

· GDP สหรัฐฯทรงตัวตามคาด นักวิเคราะห์เตือนเศรษฐกิจอาจชะลอตัวในปีนี้



การประกาศ GDP ไตรมาสที่ 4/2019 ของสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ ออกมาตรงกับคาดการณ์ส่วนใหญ่ที่ 2.1% ขณะที่ภาพรวมรายปี GDP เติบโตได้ 2.3% ท่ามกลางการใช้จ่ายของภาคธุรกิจที่ยังค่อนข้างซบเซา รวมถึงการใข้จ่ายของภาคผู้บริโภคที่เติบโตได้เพียง 1.8% ในไตรมาสที่ 4 เทียบกับไตรมาสที่ 3 ที่เติบโตได้ 3.2%

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Barclays มีมุมมองว่า ปริมาณอุปสงค์ในสหรัฐฯอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2019 การใข้จ่ายของภาคธุรกิจและภาคการบริโภคก็ชะลอตัวลงตลอดช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่สำหรับสหรัฐฯ

ทางนักวิเคราะห์จึงได้คาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาสที่ 1/2020 จะเติบโตได้ 1.5% โดยส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบมาจากปริมาณการผลิตของ Boeing ที่ลดลง รวมถึงความเสี่ยงจากการระบาดของเชื้อไวรัส ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2/2019 คาดไว้ที่ 2% และเศรษฐกิจน่าจะกลับฟื้นตัวขึ้นได้ในไตรมาสที่ 3/2019 จึงคาดไว้ที่ 2.5%

· ทรัมป์มั่นใจ สหรัฐฯควบคุมการระบาดได้

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯกำลังดำเนินงานร่วมกันจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัส ซึ่งทุกอย่างกำลังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล พร้อมระบุว่าเหตุการณ์เป็นเรื่องเล็กๆสำหรับสหรัฐฯ และจะจบลงได้ด้วยดี

· นายวิลบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ มีความเห็นว่า การระบาดของเชื้อไวรัสในประเทศจีนอาจเป็นผลดีต่อตลาดแรงงานสหรัฐฯ เพราะว่าจะช่วยสนับสนุนให้การจ้างงานและการผลิตกลับมาสู่สหรัฐฯเร็วขึ้น

ซึ่งนายรอสก็ระบุว่า เขาไม่ค่อยชอบใจนักที่ดูเหมือนจะเป็นการมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น แต่นั่นคือความจริง และบรรดาผู้ประกอบการควรคำนึงถึงข้อเท็จจริงนี้เอาไว้ก่อนที่จะโยกย้ายฐานการผลิต


· จีนประกาศดัชนี PMI ภาคอุตสาหกรรมเดือน ม.ค. ออกมาตามคาดที่ระดับ 50.0 จุด ลดลงจากเดือน ธ.ค. ที่ 50.2 จุด

· ราคาน้ำมันปรับลดลงกว่า 2% ท่ามกลางความกังวลจากระบาดของเชื้อไวรัสที่อาจกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ตลาดมีกระแสคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกอาจกลับมาจัดการประชุมเร็วขึ้นกว่ากำหนดการเดิม

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด -2.5% ที่ระดับ 58.29 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด -2.2% ที่ระดับ 52.14 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com