• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 10 มกราคม 2563

    10 มกราคม 2563 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ต่างปรับแข็งค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในตลาดวันนี้ หลังตลาดเริ่มคลายกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่านลง ประกอบตัวเลขเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสดใสของสหรัฐฯในช่วงสัปดาห์นี้

ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในแดนแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ และมีแนวโน้มปิดตลาดรายสัปดาห์แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 เดือน จากปัจจัยเดียวกัน

นักวิเคราะห์จาก Credit Agricole ระบุว่า ตลาดกลับมามีความต้องการในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง เนื่องจากคลายกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน รวมถึงสัปดาห์หน้าจะมีการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ-จีน

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าประมาณ 0.3% สู่ระดับ 0.68755 ดอลลาร์ แต่การแข็งค่าถูกจำกัด เนื่องจากมีกระแสคาดการณ์ที่มากขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเร็วที่สุดภายในเดือน ก.พ. รวมถึงเหตุไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่กำลังกดดันแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจออสเตรเลีย

ด้านค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่า 0.2% แถว 0.6622 ดอลลาร์

สำหรับดัชนีดอลลาร์วันนี้ค่อนข้างทรงตัวแถว 97.44 จุด แต่ภาพรวมรายสัปดาห์มีโอกาสปรับแข็งค่าขึ้นได้ 0.6% ซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.

ขณะที่การเคลื่อนไหวในของค่าเงินอื่นๆ เป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากตลาดกำลังจับตาการประตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯในคืนนี้ โดยคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค. จากเดิมที่เพิ่มขึ้น 266,000 ในเดือน พ.ย.

· แบบสำรวจโดย Reuters พบว่า นักวิเคราะห์กว่า 60% คาดการณ์ว่า ค่าเงินดอลลาร์จะยังคงเป็นค่าเงินที่ครองตลาดการเงินในปี 2020 เหมือนเมื่อปี 2019 โดยอาจครองตลาดเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 6 – 12 เดือน หรืออาจมากกว่า 1 ปี

· การเติบโตของตลาดแรงงานสหรัฐฯในเดือน ธ.ค. มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการผลักดันให้เศรษฐกิจคงทิศทางเติบโตที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ต่อไปได้ แม้ภาคอุตสาหกรรมจะมีรายงานตัวเลขที่อ่อนแอลงอย่างมาก จากผลกระทบขอสงครามการค้าก็ตาม

นักวิเคราะห์จากสถาบัน Nationwide มีมุมมองว่า การเติบโตของตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งส่งท้ายปี 2019 จะเป็นรากฐานสำหรับความแข็งแกร่งของภาคการบริโภคในปี 2020 ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไปได้ในอัตราที่ค่อนข้างดี

เนื่องจากในสัปดาห์หน้า สหรัฐฯและจีนน่าจะทำการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรก บรรดาสมาชิกเฟดจึงเริ่มมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อภาพรวมเศรษฐกิจและส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะทรงตัวตลอดปีนี้ ขณะที่คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.3%

ทั้งนี้ การจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนนี้ ถูกคาดการณ์ว่าจะมีการ้างงานเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค. เทียบกับเดือน พ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 266,000 ตำแหน่ง หลังจากพนักงานของ General Motors จำนวน 46,000 คน เริ่มกลับเข้าตำแหน่งหลังเหตุการเดินขบวนประท้วงบริษัทฯ

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากก่อนหน้านี้ที่เคยกล่าวว่าจะทำการลงนามข้อตกลงการค้าร่วมกับผู้นำจีนในวันที่ 15 ม.ค. ล่าสุด ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC TV ได้ระบุว่า การลงนาม อาจเกิดขึ้น “หลังวันที่ 15 ม.ค. เล็กน้อย”

ขณะที่ทางทำเนียบขาวยังไม่ได้ให้ความชัดเจนเกี่ยวกับถ้อยแถลงดังกล่าวของนายทรัมป์แต่อย่างใด

· บรรดานักวิเคราะห์มีมุมมองว่า ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจอังกฤษในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 จะเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนค่าเงินปอนด์ ขณะที่ประเด็น Brexit น่าจะเริ่มส่งผลกระทบต่อค่าเงินมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นว่าอังกฤษจะสามารถเจรจากับอียูได้อย่างราบรื่นหรือไม่

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Nomura มีมุมมองว่า ค่าเงินปอนด์มีโอกาสแข็งค่าต่อไปได้ถึงระดับ 1.36 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับปัจจุบันที่ 1.306 ดอลลาร์/ปอนด์ ซึ่งเป็นแรงหนุนจากชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อเดือนก่อน

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง เนื่องจากความเสี่ยงเกี่ยวกับประเด็นความไม่สงบในตะวันออกกลางได้ผ่อนคลายลงไป ขณะที่นักลงทุนกลับมากังวลปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 4 เซนต์ ที่ระดับ 65.33 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 8 เซนต์ ที่ระดับ 59.48 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com