• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 9 มกราคม 2563

    9 มกราคม 2563 | Economic News

· ค่าเงินเยนและสวิสฟรังก์อ่อนค่าลง ท่ามกลางตลาดที่คลายกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน จึงหันกลับมาลงทุนที่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางความหวังที่จะเห็นการลงนามข้อตกลงเฟสแรกระหว่งาสหรัฐฯและจีน

ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวแถว 109.19 เยน/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ 107.65 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินฟรังก์อ่อนค่าขึ้นมาแถว 0.9740 ดอลลาร์ จากระดับต่ำสุดเมื่อวานที่ 0.96655 ดอลลาร์



· นักวิเคราะห์จากสถาบัน State Street มีมุมมองว่า สถานที่ที่อิหร่านเลือกโจมตีดูจะไม่มีความสำคัญมากนัก ประกอบกับการที่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ตลาดจึงมองว่าเป็นการโจมตีเพื่อแสดงแสงยานุภาพของอิหร่านภายในพื้นที่ตะวันออกกลางเท่านั้น ขณะที่ประชาชนของสหรัฐฯเองก็ไม่สนับสนุนให้เกิดสงคราม ดังนั้น ค่าเงินที่เผชิญภาวะ Knee-jerk และอ่อนค่าลงเมื่อวานนี้ จึงเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ ท่ามกลางตลาดที่เริ่มกลับเข้าสู่สมดุล

ค่าเงินยูโรยังทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ แถว 1.1116 ดอลลาร์/ยูโร โดยเผชิญแรงกดดันจากตัวเลขภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีที่ออกมาอ่อนแอ



· นักวิเคราะห์จาก Commerzbank คาดการณ์ว่าค่าเงินยูโร มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อและอาจย่อลงไปถึงเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 วันที่ 1.1065 ดอลลาร์/ยูโร แต่น่าจะเริ่มทรงตัวที่บริเวณดังกล่าวไปจนถึงระดับ 1.1050 ดอลลาร์/ยูโร ที่เป็นเส้นขาขึ้นระยะ 3 เดือน

ทั้งนี้ มองแนวรับแรกไว้ที่ระดับ 1.1094 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ยราย 55 วัน ส่วนแนวต้านมองไว้ที่ 1.1197 – 1.1240 ดอลลาร์/ยูโร ที่น่าจะเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง ค่าเงินในระยะกลางจะเปลี่ยนเป็นทิศทางขาขึ้นได้ต่อเมื่อยืนเหนือระดับ 1.1360 ดอลลาร์/ยูโร หากไม่สามารถกลับมาเป็นขาขึ้นได้ จะมีโอกาสย่อลงไปถึงระดับต่ำสุดของวันที่ 29 พ.ย.



· กระทรวงพาณิชย์จีน ยืนยัน นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ของสหรัฐฯ เพื่อลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างวันที่ 13 – 15 ม.ค. นี้ พร้อมระบุว่า ทั้งสองฝ่ายยังรักษาการเจรจาที่ใกล้ชิดเพื่อปูทางไปสู่การลงนาม



· รายงานของคณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนประจำสภาคองเกรสที่เปิดเผยออกมา ระบุว่า ประเทศจีนมีปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงเวลาของการศึกษาวิจัยในเดือน ส.ค. ปี 2018 ถึง เดือน ส.ค. ปี 2019 พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและนำไปพิจารณาระหว่างการดำเนินกิจกรรมใดๆร่วมกับจีน รวมไปถึงด้านการค้า

ขณะที่กระทรวงต่างประเทศของจีน ออกมาตอบโต้รายงานดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นรายงานที่ไร้ความน่าเชื่อถือ และสหรัฐฯควรหันไปดูปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศของตัวเองให้ดีเสียก่อนที่จะมาวิจารณ์ประเทศจีน



· สำนักข่าว Reuters อ้างถึงจดหมายที่นำเสนอองค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งสหรัฐฯอ้างว่าการสังหารผู้บัญชาการกองกำลังทหารของอิหร่านทำไปเพื่อป้องกันตัว

โดยสหรัฐฯ ระบุว่า พร้อมที่จะดำเนินการเพิ่มเติม "ตามความจำเป็น" เพื่อปกป้องบุคลากรของสหรัฐฯ ผลประโยชน์ รวมทั้งพร้อมที่จะเจรจาอย่างจริงจัง โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆสำหรับการสร้างสันติภาพกับอิหร่าน

ขณะที่ตลาดยังคงเงียบสงบ หลังถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ของประธานาธิบดีสหรัฐฯเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน

ทั้งนี้ รายงานดังกล่าว ดูเหมือนจะไม่สามารถช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดได้มากนัก โดยค่าเงินเยนยังทรงตัวแถว 109.20 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯเคลื่อนไหวแดนล



· นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้แสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนการตัดสินใจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธนาธิบดีสหรัฐฯที่จะเลือกใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแทนการใช้ปฏิบัติการทางทหาร เพื่อตอบโต้ที่อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพสหรัฐฯในอิรัก

โดยระบุว่า "ญี่ปุ่นขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดยับยั้งชั่งใจ ซึ่งเป็นจุดยืนที่เราต้องการสนับสนุนการตอบโต้ด้วยมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ"



· ข้อมูลเงินเฟ้อในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนทรงตัว ขณะที่ราคาในกลุ่มโรงงานที่ชะลอตัวลงมากที่สุดในเดือนธ.ค. และน่าจะทำให้ธนาคารกลางจีนยังต้องใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป

อย่างไรก็ดี นักลงทุนบางส่วนยังมีความกังวลว่าเงินเฟ้อในกลุ่มผู้บริโภคที่ทรงตัวใกล้ระดับระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีอาจทำให้ธนาคารกลางจีนต้องดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยความระมัดระวัง

ทั้งนี้ ดัชนี CPI ในเดือนธ.ค. ปรับขึ้นแตะ 4.5% จากช่งต้นปี แต่น้อยกว่าที่คาดว่าจะเติบโตได้ 4.7% จากราคาเนื้อหมู ที่แพงขึ้นท่ามกลางภาวะไข้หวัดหมูที่ระบาดภายในประเทศ



· ธนาคารกลางจีน ระบุว่า ได้มีการลงนามร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนลาวในวันนี้ เพื่ออนุมัติให้สามารถดำเนินธุรกรรมเกี่ยวกับค่าเงินของทั้ง 2 ประเทศได้โดยตรง ภายใต้การดูแลของธนาคารกลาง



· ราคาน้ำมันเริ่มทรงตัว หลังจากที่ปรับลดลงอย่างหนักท่ามกลางตลาดที่เริ่มคลายกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังอิหร่านทำการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯเมื่อวันก่อน

ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 5 เซนต์ แถว 65.40 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากเมื่อวานร่วงลงมากว่า 4.1%

ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 1 เซนต์ แถว 59.63 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากเมื่อวานร่วงลงมาเกือบ 5%



· ราคาน้ำมัน WTI ทรงตัวต่ำกว่า 60 เหรียญ/บาร์เรล จับตาการลดกำลังผลิตของโอเปก

ราคาน้ำมัน WTI ปรับลดลงเมื่อคืนหลังตลาดคลายกังวลความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน หลังถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนที่จะปรับสูงขึ้นได้บางส่วนในช่วงเช้าวันนี้ หลังมีรายงานเกี่ยวกับจรวดที่ตกลงในพื้นที่กรีนโซนของกรุงแบกแดด





Oil Price Analysis

ราคาน้ำมัน WTI ปรับสูงขึ้น แต่ไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ระดับ 65 เหรียญ/บาร์เรล ไปได้ ก่อนจะถูกเทขายกลับลงมาอีกครั้งที่ 60 เหรียญ/บาร์เรล แต่ยังทรงตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั่วไป ราคาน้ำมันในระยะสั้นดูจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางขาลง โดยอาจปีเป้าหมายที่ระดับ 57.00 – 55.50 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่แนวต้านจะอยู่ที่ระดับ 61.00, 62.00 และ 63.00 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com