• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 6 มกราคม 2563

    6 มกราคม 2563 | SET News



· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน เนื่องจากถูกแรงเทขายในวันซื้อขายวันแรกของปี 2020 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ทวิตเตอร์ข้อความเตือนอิหร่าน โดยระบุว่า สหรัฐฯกำลังเล็งเป้าพื้นที่โจมตี 52 แห่งที่เป็นแหล่งผลประโยชน์ของอิหร่าน ซึ่งการโจมตีดังกล่าวจะเกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงหากรัฐบาลอิหร่านทำการโจมตีพลเมืองสหรัฐฯ หรือผลประโยชน์ของสหรัฐฯในการล้างแค้นให้กับการเสียชีวิตของนายโซเลมานี

โดยดัชนี Nikkei ลดลง 1.91% ที่ระดับ 23,204.86 จุด ร่วงลงหลุดแนวรับเส้นค่าเฉลี่ยราย 25 วันลงมา ที่ระดับ 23,600 จุด และเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วัน ระดับ 23,350 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ด้านดัชนี Topix ลดลง 1.39% ที่ระดับ 1,697.49 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย. ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วตลาดญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องจากวันหยุดเทศกาลปีใหม่


· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น จากมุมมองเชิงบวกของเหล่านักลงทุนเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างาสหรัฐฯและจีน รวมทั้งการกระตุ้นนโยบายของรัฐบาลจีนเพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจ ก่อนที่จะปิดปรับตัวลดลง เนื่องจากความไม่แน่นอนในตะวันออกกลางที่เพิ่มมากขึ้นจึงกดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน

โดยดัชนี Shanghai Composite ทรงตัวที่ระดับ 3,083.41 จุด





· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังความไม่แน่นอนระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านเพิ่มมากขึ้น

โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.6% ด้านหุ้นกลุ่มยานยนต์ลดลง 1.2% เนื่องจากตลาดภูิภาคส่วนใหญ่ ยกเว้นน้ำมันและแก๊ว เคลื่อนไหวในแดนลบ


อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์



- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางว่า มองว่าเป็นปัจจัยภายนอก ไทยยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังแข็งแรงมาก ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศมีอยู่ในระดับสูง แต่ก็ต้องไม่ประมาท เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมไม่ว่าจะมีปัญหาหรือไม่ เพราะอาจจะมีโอกาสเกิดผลกระทบได้ โดยเฉพาะจากต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็อย่ากลัวจนเกินไป



- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมของไทย กล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีกลไกต่างๆ ติดตามอยู่ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามหลักการและกฎหมายที่มีทั้งหมด ซึ่งต้องมองเรื่องเศรษฐศาสตร์ ข้อเท็จจริง ปัญหาเฉพาะของแต่ละประเทศ และรัฐบาลพยายามดูแลประชาชนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันการที่เงินบาทแข็งค่าเป็นโอกาสของการนำเข้าสินค้าตั้งต้นการผลิตหรือเครื่องจักรในราคาถูกลง พร้อมทั้งสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาสินค้าบางประเภทที่ปรับขึ้นราคาไม่เหมาะสม เพราะบางอย่างต้นทุนถูกลง

พร้อมทั้งยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดูแลเศรษฐกิจของประเทศ แต่ต้องไม่ใช่การติติงเพียงอย่างเดียว เพราะรัฐบาลต้องดูแลภาพรวมทั้งหมด และดูแลประชาชนทุกกลุ่ม เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นกับประชาชนที่มีรายได้น้อยให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ไปพร้อมกับการสร้างความเข้มแข็งให้ยกระดับรายได้ของตัวเอง 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com