MTS Help Center

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงุสดในรอบ 18 เดือน ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นจีน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังจากที่ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯครั้งใหม่ออกมาแย่ลงกว่าที่คาด รวมทั้งมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับสงครามทางการค้าและความไม่สงบในตะวันออกกลาง

โดยตลาดหุ้นยุโรปคาดว่าจะเปิดปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่านักลงทุนชะลอการลงทุนหลังจากที่ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.05% ทำระดับสูงุสดนับตั้งแต่วันที่ 19 ม.ย.ที่ผ่านมา

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อยในวันสุดท้ายของการซื้อขาย เนื่องจากเหล่านักลงทุนเทขายทำกำไรก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ แม้ว่าดัชนีจะทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ เกือบ 3 ทศวรรษ

โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.76% ที่ระดับ 23,656.62 จุด ร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนที่บริเวณ 24,091 จุด ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 0.68% ที่ระดับ 1,721.36 จุด

· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน เนื่องจากทางการจีนได้เข้ามาใช้มาตรการกระตุ้นตลาดจนทำให้นักลงทุนจีนมึความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ขณะที่เหล่านักลงทุนได้รับแรงหนุนจากสัญญาณทางเศรษฐกิจ ตามมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 1.2% ที่ระดับ 3,040.02 จุด

ธนาคารกลางจีน (PBOC) ระบุว่า จีนจะใช้ดอกเบี้ยเงินกู้ loan prime rate (LPR) เป็นมาตรฐานอ้างอิงใหม่ในการกำหนดดอกเบี้ยสินเชื่อแบบอัตราดอกเบี้ยลอยตัว

นอกจากนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 63 สถาบันการเงินต่างๆ จะต้องแจ้งกับลูกค้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนไปใช้ LPR เป็นดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในสัญญาเงินกู้ที่มีอยู่

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.10-30.25 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.15 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทเข้าทดสอบระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 ปีอีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยและพันธบัตรไทย 890 ล้านบาท และ 6.6 พันล้านบาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม บอนด์ยิลด์ช่วงอายุ 3 ปี และ 5 ปีแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน โดยตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้น ส่วนค่าเงินหยวนได้แรงหนุนหลังประธานาธิบดี ทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐฯและจีนจะลงนามข้อตกลงการค้าเบื้องต้นในเร็วๆ นี้

- สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งวันอยู่ที่ 26,614 ล้านบาท ด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อสุทธิ 13,518 ล้านบาท 2. กลุ่มบริษัทประกันภัย ซื้อสุทธิ 247 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 7 ล้านบาท Yield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 1.26% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน +0.01%

- นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาแกว่งตัวไซด์เวย์ทั้งในแดนบวกและลบ แต่มูลค่าการซื้อขายในวันนี้ยังคงเบาบาง เนื่องจากเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ และเป็นวันทำการวันสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศส่วนใหญ่จะหยุดพักการลงทุนไปค่อนข้างมากแล้ว

ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดทำการส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยที่ปัจจัยบวกในตลาดขณะนี้คือความคาดหวังต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่จะเกิดขึ้นในเดือนม.ค.63 แต่อย่างไรก็ตามยังมีความไม่แน่นอนอยู่ด้วยเช่นกัน

ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายคาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวไซด์เวย์ และการซื้อขายในวันนี้จะไม่ค่อยคึกคัก เพราะเป็นช่วงเทศกาล แต่อาจมีเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (Window Dressing) ที่อาจจะยังมีต่อเนื่องวันทำการสุดท้ายของปีนี้