MTS Help Center

· ดัชนีดอลลาร์อ่อนตัวลงเล็กน้อย ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในตลาดส่งท้ายปีหลังจากที่แข็งค่าในวันก่อนหน้าโดยภาพรวมตลาดลดความต้องการดอลลาร์ในฐานะ Safe-Haven จากข่าวข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีน และทิศทางบวกต่อเศรษฐกิจโลก

ความเชื่อมั่นในตลาดมีมากขึ้นจากการที่ธนาคารกลางจีนก็มีการเผยมาตรารจะสนับสนุนดอกเบี้ยเงินกู้และมาตรการกระต้นเศรษฐกิจ ขณะที่ยอดค้าปลีกจีนออกมาดีขึ้นในปีนี้ โดยเติบโตได้ 8%

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมาที่ 96.810 จุด ขณะที่เงินเยนทรงตัวที่ 109.13 เยน/ดอลลาร์

· นักวิเคราะห์จาก Yahoo Finance ระบุว่า ภาพรายวันของดัชนีดอลลาร์ แกว่งตัวเป็นขาลง โดยวันนี้ยังคงถูกกดดันจากตลาดส่วนใหญ่ที่ปิดทำการ แม้ว่าราคาจะยืนเหนือ 96.295 จุดก็ตาม ซึ่งหากดัชนีดอลลาร์ยืนเหนือ 97.405 จุดก็มีโอกาสจะส่งสัญญาณกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้ง โดยระยะสั้นๆ กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ 96.295 - 98.045 จุด ซึ่งระดับแนวต้านรแรกจะอยู่ที่ 97.17 และ 97.38 จุดตามลำดับ

แต่เป้าหมายที่จะเห็นดัชนีกลับมาสู่ทิศทางอ่อนค่าอีกครั้ง คือต้องหลุด 96.850 จุด ซึ่งเป็นระดับเส้น Fibonacci 50% ก็จะกลัสู่กรอบ 96.295 - 97.405 จุด

ภาพขาลงของดัชนีดอลลาร์จะเกิดขึ้นอีกครั้งหากเคลื่อนไหวต่ำกว่า 97.170 จุด ก็จะยิ่งเผชิญกับแรงเทขายทำกำไร และมีแนวโน้มจะเห็นดัชนีกลับลงทดสอบ 96.85 จุด และเส้น Fibonacci 50% จะอยู่ที่ 96.70 จุด

ภาพขาขึ้นหากราคาถึงแนว 97.17 จุด จะมีสัญญาณเข้าซื้อเพิ่มและก็จะมีแรงสนับสนุนเพียงพอให้เป็นขาขึ้น โดยระยะสั้นเป้าหมายของเส้น Fibonacci อยู่ที่ระดับ 97.38 จุด และเป้าหมายถัดไปที่ 97.405 จุด ดังนั้น แนวแรกที่ต้องจับตาก็คือ 96.405 จุด ที่จะเป็นตัวเปลี่ยนเทรนสำคัญหากไม่หลุด

· กลุ่มผู้ประท้วงรัฐบาลฮ่องกงวางแผนจัดการชุมนุมหลายจุดเพื่อส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ในวันที่ 1 ม.ค.นี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขัดขวางการเฉลิมฉลองและช็อปปิ้งในช่วงเทศกาลสำคัญของปี

กลุ่มผู้ประท้วงประกาศแผนที่เรียกว่า "Suck the Eve " และ "Shop with you" ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 31 ธ.ค.ทั่วทั้งเกาะฮ่องกง ซึ่งครอบคลุมถึงพื้นที่ที่ใช้จัดงานปีใหม่อย่างลานไควฟง และวิคตอเรียฮาร์เบอร์ รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมอื่นๆอีกด้วย

· นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ระบุว่า เกาหลีเหนือจำเป็นต้องใช้มาตรการเชิงบวกและเชิงรุก เพื่อรับรองความมั่นคงและอธิปไตยของเกาหลีเหนือ

โดยสำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า นายคิมเน้นว่า เกาหลีเหนือจำเป็นที่จะใช้มาตรการเชิงบวกและเชิงรุก เพื่อรับรองความมั่นคงและอำนาจอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มรูปแบบตามสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม นายคิมไม่ได้ระบุเพิ่มเติมว่า มาตรการเชิงรุกหมายถึงอะไร

การแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับสหรัฐฯในเรื่องนโยบายการทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สหรัฐฯออกมาเตือนว่า สหรัฐฯจะผิดหวังอย่างมาก หากเกาหลีเหนือยังคงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลหรือนิวเคลียร์ต่อไป

· ผลสำรวจจาก Reuters ระบุว่า กิจกรรมภาคการผลิตของจีนประจำเดือนธ.ค.มีแนวโน้มขยายตัวอีกครั้ง เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศที่แข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตนั้นจะลดลงจากการที่ตลาดรอความชัดเจนเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน

โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนธ.ค.คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 50.1 เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการของจีนยังคงมีการขยายตัว

· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวถึงเหตุโจมตีทางอากาศในอิรักและซีเรียต่อกลุ่มหัวรุนแรงที่อิหร่านให้การสนับสนุน แต่มีการกล่าวเตือนว่าจะเพิ่มการโจมตีหากทำให้สหรัฐฯได้รับผลกระทบเพิ่มเติม

· Xinhua เผย ยอดค้าปลีกจีนออกมาดีขึ้น 8% ในปีนี้ ที่ระดับ 41.1 ล้านล้านหยวน (5.88 ล้านล้านเหรียญ) และเมื่อเทียบกับปีที่แล้วจะพบว่ายอดขายปีนี้เพิ่มขึ้น 9%

· ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยเดือนพ.ย. 62 ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยการส่งออกสินค้าหดตัวต่อเนื่องตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเป็นสำคัญ ส่งผลให้การนำเข้าสินค้า การผลิตภาคอุตสาหกรรม และเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสอดคล้องกัน สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวทั้งจากรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน ด้านเครื่องชี้การบริโภคเอกชนยังอยู่ในทิศทางชะลอตัว โดยมาตรการภาครัฐมีส่วนช่วยพยุงกำลังซื้อบางส่วน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่อง

· วันนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนท่ามกลางตลาดที่ตอบรับกับมุมมองเชิงบวกของข้อตกลงการค้าสหรั้ฐฯและจีน ขณะเดียวกันนักลงทุนก็จับตาดูเหตุความรุนแรงในตะวันออกกลางหลังจากที่สหรัฐฯดำเนินการโจมตีทางอากาศ

ภาพรวมตลาดดูจะตอบรับกับข่าวการโจมตีเพียงเล็กน้อย แม้ว่าล่าสุดสหรัฐฯจะกล่าวเตือนว่าอาจมีการเพิ่มการโจมตีก็ตาม

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 5 เซนต์ ที่ระดับ 61.77 เหรียญ/บาร์เรล โดยภาพรวมในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 36%

น้ำมันดิบ Brent อยู่ที่ระดับ 68.36 เหรียญ/บาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.3% โดยภาพรวมในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 27%