• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 27 ธันวาคม 2562

    27 ธันวาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เมื่อเทียบกับเงินเยน ขณะที่ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. จากความผ่อนคลายในสงครามการค้า

โดยค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าทำระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.68 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ และยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 109.73 เยน/ดอลลาร์ ที่เป็นระดับสูงสุดในช่วงปลายเดือน พ.ค. ก่อนที่จะย่อลงมาทรงตัวแถว 109.50 เยน/ดอลลาร์


· นักวิเคราะห์จากสถาบัน Nissay Asset Management มีมุมมองว่า การแข็งค่าของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน ส่วนหนึ่งมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงหลังการประมูลพันธบัตรอายุ 7 ปีเมื่อคืนก่อน ขณะที่มุมมองเชิงบวกที่มีต่อการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนก็เป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนค่าเงินดอลลาร์

ทั้งนี้ คาดว่าตลาดจะไม่มีการเคลื่อนไหวที่สำคัญ เนื่องจากตลาดยังคงซบเซาในช่วงวันหยุดยาว



· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับลดลง หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯประกาศขายพันธบัตรอายุ 7 ปีเป็นมูลค่า 3.2 หมื่นล้านเหรียญ ท่ามกลางปริมาณอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีเคลื่อนไหวบริเวณ 1.894% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ครึ่ง



· ค่าเงินยูโรแข็งค่า 0.2% แถว 1.1118 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินหยวนนอกประเทศอ่อนค่า 0.1% แถว 6.9967 หยวน/ดอลลาร์

ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยแถว 1.2993 ดอลลาร์/ปอนด์ แต่ยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดของวันที่ 13 ธ.ค. ที่ 1.3514 ดอลลาร์/ปอนด์



· นักวิเคราะห์จากสถาบัน Development Research Center มีมุมมองว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของเศรษฐกิจจีน คือการไม่เปิดตลาดยอมรับการลงทุนจากต่างชาติ

ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ได้กลายเป็นปัจจัยที่กดดันให้จีนยอมเปิดตลาดออกสู่นักลงทุนทั่วโลกมากขึ้น หลังจากนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องดังกล่าวมาเป็นเวลานาน โดยข้อเรียกร้องดังกล่าวคลอบคลุมตั้งแต่ การจำกัดสิทธิเข้าถึงอุตสาหกรรมบางประเภทกับบริษัทต่างชาติ ตลอดจนการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมกับนักลงทุนต่างชาติ

แต่หลังจากที่ความตึงเครียดในสงครามการค้าขยายตัว จีนไม่รอช้าและผลักดันนโยบายเปิดกว้างตลาดออกสู่นักลงทุนต่างชาติเมื่อเดือน มี.ค ปีนี้

หลังจากนั้น 6 เดือน รัฐบาลจีนได้ประกาศว่าบริษัทต่างชาติสามารถเข้าถือครองกรรมสิทธิ์ในธุรกิจส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมการเงินได้รวดเร็วกว่าที่คิด โดยมาตรการใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งจะเป็นวันเดียวกับที่กฏหมายว่าด้วยการลงทุนจากต่างชาติจะมีผลบังคับใช้

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า การเปิดตลาดรับการลงทุนจากต่าชาตินั้นมีความเสี่ยงมากกว่าก็จริง แต่ความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่สุดคือการไม่ยอมเปิดตลาดออกสู่ทั่วโลก



· รายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนพ.ย. ท่ามกลางโอกาสที่เพิ่มขึ้นของภาพรวมเศรษฐกิจที่อาจจะหดตัวลงในไตรมาสที่ 4/2019 ในสภาวะที่อุปสงค์ภายในประเทศและทั่วโลกชะลอตัวลง

ทั้งนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัวลงในเดือนที่ผ่นามาจากปัญหาส่งออกที่ยืดเยื้อที่เข้ากระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลกให้อ่อนแอ ควบคู่กับการร่วงลงของค่าใช้จ่ายกลุ่มผู้บริโภคอันเนื่อง่จากภาษีที่สูงขึ้น

ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.9% ในเดือนพ.ย. โดยร่วงลงจากที่คาดไว้ที่ 1.4%



· นายฮิโรอากิ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Tokai Tokyo Research Institute กล่าวว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค. - ม.ค. น่าจะยังคงตัวจากการฟื้นตัวเมื่อไม่นานมานี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ดูจะได้รับผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แม้จะมีสัญญาณเชิงบวกของการผลิตที่เพิ่มขึ้นปานกลางก็ตาม โดยธ.ค. คาดภาคการผลิตญี่ปุ่นจะเติบโตได้ 2.8% ในเดือนธ.ค. ขณะที่ม.ค. คาดโต 2.5%



· รายงานการประชุมบีโอเจประจำเดือน ธ.ค. แสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการบีโอเจมีมติปฏิเสธข้อเสนอแนะของ IMF ที่ได้เสนอให้บีโอเจปรับเป้าหมายของอัตราเงินเฟ้อที่ 2% ลงสู่กรอบที่มีความผ่อนคลายมากขึ้น



· ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทำสูงสุดรอบ 3 เดือน หลังจากที่ยอดขายสินค้าออนไลน์ของสหรัฐฯปรับขึ้นเกินคาด โดยน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 6 เซนต์ หรือ +0.1% ที่ 67.98 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำสูงสุดตั้งแต่ก.ย.ที่ผ่านมา ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 11 เซนต์ หรือ +0.2% ที่ 61.79 เหรียญ/บาร์เรล

หัวหน้านักกลยุทธ์จาก AxiTrader กล่าวว่า กลุ่มผู้บริโภคสหรัฐฯที่มีการเข้าซื้อที่แข็งแกร่งก็ดูจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมันดิบด้วย

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากความหวังที่เพิ่มขึ้นที่ว่าในช่วงปีใหม่นี้ อาจเห็นสหรัฐฯและจีนยุติปัญหาสงครามการค้าระหว่างกันได้ ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดจะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก และอุปสงค์น้ำมันในตลาด และจะเห็นได้ว่าปัญหาสงครามการค้าดูจะส่งผลให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนพ.ย.



· WTI Technical Analysis




ราคาน้ำมัน WTI ยังคงเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มทิศทางขาขึ้น โดยในช่วงสายวันนี้เคลื่อนไหวแถว 61.88 เหรียญ/บาร์เรล และดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะ Overbought ที่แสดงให้เห็นในเส้น RSI

หากราคยังเคลื่อนไหวไปตามช่องเทรนขาขึ้นนี้ ราคาจะมีเป้าหมายอยู่ที่ระดับ 62.60 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นแนวต้านของเทรนขาขึ้น และเป้าหมายถัดไปที่ 63.13 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเดือน ก.ย.

หากราคาเผชิญแรงเทขายและย่อตัวลง จะมีแนวรับแรกอยู่ที่ระดับ 60.75 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งแนวรับของเทรนขาขึ้น หากหลุดลงมาจะมีแนวรับถัดไปที่ 59.60 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 วัน

หากเส้นค่าเฉลี่ยไม่สามารถรองรับราคาได้ ราคาก็อาจปรับลดลงต่อ โดยฝั่งขาลงจะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 58.70 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com