• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562

    11 พฤศจิกายน 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับแข็งค่ามากที่สุดรอบหลายสัปดาห์ ท่ามกลางตลาดที่ยังตอบรับกับมุมมองเชิงบวกของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีนทีอาจลดการเก็บภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกัน ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่เข้ากระทบการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกด้วยนั่นเอง

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 98.323 จุด โดยอยู่ไม่ห่างจากระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ครึ่งที่ทำไว้เมื่อวันศุกร์บริเวณ 98.404 จุด

แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงการค้าที่ยังไม่สมบูรณ์แล้วจะมีการปรับลดภาษีระหว่างกัน แต่ตลาดก็ยังตอบรับกับความพยายามของทั้งสองฝ่ายที่พยายามให้เกิดข้อตกลงในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อยุติปัญหา Trade War และกรณีดังกล่าวดูจะช่วยให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯยืนเหนือ 1.9% ที่เป็นอีกหนึ่งแรงหนุนในค่าเงินดอลลาร์

ค่าเงินเยนแข็งค่าเล็กน้อยในวันนี้ประมาณ 0.25% ที่ระดับ 109.03 เยน/ดอลลาร์ โดยกลับมาได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้งจากเหตุความรุนแรงในฮ่องกง แต่ภาพรวมค่าเงินเยนก็ยังอยู่ไม่ห่างจากระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 5 เดือนที่ทำไว้บริเวณ 109.49 เยน/ดอลลาร์

สำหรับค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง 0.19% กลับมาที่ 7.0013 หยวน/ดอลลาร์ จากเหตุประท้วงในฮ่องกง และมีตำรวจรวมทั้งพลเรือนบาดเจ็บประมาณ 5 ราย

ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วก็ได้ส่งผลกระทบต่อค่าเงินหยวนด้วยเช่นกัน โดยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของจีนร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี ในเดือนต.ค. ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคปรับตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 8 ปี

ค่าเงินปอนด์แข็งค่าเล็กน้อยในวันนี้ที่ระดับ 1.2792 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยภาพรวมตลาดรอผลลัพธ์การเลือกตั้งอังกฤษในวันที่ 12 ธ.ค.นี้

· ในช่วงเช้าวันนี้ ได้เกิดเหตุเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุนนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและตำรวจในย่าน Sai Wan Ho โดยมีรายงานว่ามีผู้ถูกตำรวจยิงอย่างน้อย 1 คน

เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้ชุมนุมรวมตัวกันปิดถนน ทำให้การจราจรติดขัดเป็นวงกว้างในฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮ่องกง และส่งผลให้การเดินรถไฟและรถไฟใต้ดินมีปัญหาต้องหยุดให้บริการในหลายสถานีและหลายเส้นทาง เนื่องจากผู้ประท้วงทำลายสิ่งอำนวยความสะดวกของสถานีและรถไฟ รวมถึงขว้างปาสิ่งของกีดขวางเส้นทางเดินรถ

· ยอดขายรถยนต์ประจำเดือนต.ค.ปรับตัวลดลงติดต่กันเป็นเดือนที่ 16 โดยยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEVs) หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4

โดยสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ของจีน (CAAM) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์โดยรวมในตลาดรถยนต์ลดลง 4% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว

· ยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นประจำเดือนก.ย.ลดลง 2.9% ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าการใช้จ่ายทางธุรกิจจะแข็งแกร่งพอที่จะช่วยชดเชยแรงกดดันจากภายนอก ซึ่งส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกได้หรือไม่

· รายงานจาก Reuters ระบุว่า ผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งทั่วไปของสเปน พบว่าพรรคขวาจัดอย่าง VOX ประสบความสำเร็จในการได้รับคะแนนอย่างท่วมท้น ขณะที่พรรคกลางซ้ายยังไม่สามารถครองเสียงข้างมากในสภาได้ จึงทำให้ภาพรวมของการเลือกตั้งสเปนยังเจอ "รัฐสภาแขวน" และดูเป็นการยากที่จะเจรจาร่วมกับรัฐบาล

นายเปโดร ซานเซส นายกรัฐมนตรีสเปนจากพรรคสังคมนิย (กลาง-ซ้าย) ได้รับสัดส่วนการครองที่นั่งลดดลงจากการเลือกตั้งในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา จึงทำให้เขาไม่สามารถจัดตั้งพรรครัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้ โดยเร็วๆนี้เราจะทราบผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการตามมาอีกครั้ง

· กลุ่มนักลงทุนแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด ขณะที่โฆษก OPEC กล่าวถึงแนวโน้มตลาดน้ำมันปีหน้าว่ามีโอกาสเป็นขาขึ้น พร้อมบ่งชี้ถึงการที่ยังไม่จำเป็นที่ต้องมีการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม

อย่างไรก็ดี OPEC จะมีการจัดประชุมกันร่วมกับชาติพันธมิตรในการหาวิธีสนับสนุนการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ นับตั้งแต่ที่มีการใช้ข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน มาตั้งแต่ม.ค. จนถึงมี.ค. ปี 2020

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 1% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ประกอบกับความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาดที่ดูจะเข้ากดดันตลาดน้ำมันดิบในเวลานี้

น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 69 เซนต์ หรือ -1.1% ที่ 61.82 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้น +1.3%

น้ำมันดิบ WTI ปรับลง 63 เซนต์ หรือ -1.1% ที่ 56.61 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้น 1.9%

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงการเจรจากับจีนเป็นไปด้วยดี และสหรัฐฯต้องการทำข้อตกลงกับจีน ซึ่งต้องเป็นข้อตกลงที่ด่ีต่อสหรัฐฯด้วย

อย่างไรก็ดี ความยืดเยื้อของ Trade War ตลอด 16 เดือนระหว่างสหรัฐฯและจีน ดูจะเป็นสาเหตุที่ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกนั้นชะลอตัวลง และทำให้บรรดานักวิเคราะห์พากันหั่นคาการณ์อุปสงค์น้ำมัน และทำให้ตลาดยิ่งกังวลต่อภาวะอุปทานตลาดโลกที่อาจขยายตัวต่อมาในปี 2020

นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังคัดค้านต่อการที่สหรัฐฯตั้งใจจะยกเลิกภาษีสินค้านำเข้าจีนบางส่วนเพื่อให้เกิดข้อตกลงเฟสแรก โดยที่ข่าวการจะลดภาษีระหว่างกันถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด

· นักวิเคราะห์จาก DailyFx มองว่า ราคาน้ำมัน WTI ที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในเดือนนี้ ไปทำระดับสูงสุดแถว 57.5 เหรียญ/บาร์เรล จากภาพราคาในวันศุกร์จะเห็นได้ถึงแพทเทิร์น Bullish Hammer ที่อาจทำให้เราเห็นยังมีโอกาสที่จะเห็นราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 56 เหรียญ/บาร์เรลได้ แต่ภาพรวมตลาดมีแรงสนับสนุนเมื่อราคาปรับตัวลงมาบริเวณแนวรับที่ระดับเส้นค่าเฉลี่ย SMA ราย 50 วัน และ 100 วัน
แนวรับสำคัญในทางเทคนิคจะอยู่บริเวณ 55.75 - 56.00 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci 38.2% นับตั้งแต่ที่มีการโจมตีท่อส่งน้ำมันในซาอุดิอาระเบีย และในสัปดาห์นี้ก็ดูเหมือนจะมีโอกาสเห็นราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้อีกต้องรอสัญญาณยืนยัน Uptrend อย่างต่อเนื่องว่าแข็งแกร่งได้อีกหรือไม่ ซึ่งหากผ่าน High เดิมที่ 57.84 เหรียญ/บาร์เรลได้ ก็มีโอกาสกลับทดสอบแนวต้านสำคัญทางเทคนิค ซึ่งเป็นแถว Fibonacci 61.8% ที่ระดับ 59.00 - 59.50 เหรียญ/บาร์เรลได้ และหากผ่านไปได้ก็มีโอกาสเห็นราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com