• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 20 กันยายน 2562

    20 กันยายน 2562 | SET News

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางแรงหนุนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก จึงช่วยลดความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นจากความกังวลว่าเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดิอาระเบียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังเป็นภัยคุกคามต่อภาวะอุปทานน้ำมัน

ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับสูงขึ้น 0.5% แต่ภาพรวมรายสัปดาห์มีแนวโน้มปิดในแดนลบ

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดสูงขึ้น และเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์ เนื่องจากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคเพิ่มขึ้นจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าบีโอเจอาจจะดำเนินนโยบายตามธนาคารกลางอื่นๆ และผ่อนคลายนโยบายในเดือนหน้า

โดยบีโอเจตัดสินใจคงนโยบายไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเมื่อวานนี้ แต่ส่งสัญญาณความพร้อมในการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นเดือนหน้า ขณะที่ออกประกาศเตือนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความเสี่ยงในต่างประเทศที่คุกคามทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.16% ที่ระดับ 22,079.09 จุด สำหรับภาพรายรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 0.4%

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ภาพรวมรายสัปดาห์ยังปรับตัวลดลงอยู่ หลังจา่กที่

หลังจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของจีนช่วยหนุนนเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าที่ยืดเยื้อกับสหรัฐฯ

โดยรัฐบาลจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะเวลาหนึ่งปีเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งของธนาคารกลางในการพยายามลดต้นทุนการกู้ยืมและสนับสนุนเศรษฐกิจเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้ หากเทียบกับการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดและอีซีบีแล้ว ถือว่ามีน้ำหนักน้อยกว่ากันมาก จึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าจีนยังลังเลที่จะเข้าร่วมกระแสการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินตามธนาคารกลางทั่วโลก

ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.2% ที่ะรดับ 3006.45 จุด

· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเล็กน้อย ท่ามกลางความระมัดระวังของเหล่านักลงทุน เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1% อย่างไรก็ดี ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ส.ค.62 โดยระบุว่า การส่งออกมีมูลค่า 21,914.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว -4.0% จากที่ขยายตัว 4.28% ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดคาดส่งออกในเดือนส.ค.จะหดตัว -1.8 ถึง -2.3%

ทั้งนี้ สาเหตุที่การส่งออกในเดือนส.ค.กลับมาติดลบ เนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รับผลกระทบสงครามการค้า และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง

ส่วนการนำเข้า ในเดือนส.ค.มีมูลค่า 19,862.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว -14.62% ดุลการค้า เกินดุล 2,052.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

- รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้นำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันตก (บางขุนนนท์- ศูนย์วัฒธรรม) เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันนี้ แต่ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อในสัปดาห์หน้า เมื่อพิจารณาเสร็จแล้วจีงจะนำเสนอให้ ครม.ต่อไป

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้นำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันตก (บางขุนนนท์- ศูนย์วัฒธรรม) เข้าสู่การพิจารณาของครม.เศรษฐกิจวันนี้ ซึ่งมีประเด็นในเรื่องกรอบวินัยการเงินการคลัง ซึ่งหากก่อหนี้ผูกพันงบประมาณปี 62 จะมีวงเงินจำกัด ซึ่งเมื่อหารือกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณแล้วเห็นว่า หากจะใช้กรอบวงเงินงบประมาณปี 63 สามารถดำเนินการได้ จะไม่กระทบต่อวินัยการเงินการคลัง

- สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 1.75 - 2% ทำให้นักลงทุนผิดหวังเพราะคาดว่าจะลดมากกว่านี้ และยังไม่ส่งสัญญาณผ่อนคลายเพิ่มเติม ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 25 ก.ย.นี้ คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5% เพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจภายหลังจากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะได้ผลหรือไม่ แต่หากพบว่าตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ชะลอตัวลง และการส่งออกยังมีปัญหาเชื่อว่าในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. กนง.อาจลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้

- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะออกมาตรการป้องกันหนี้ครัวเรือน ด้วยการไม่ให้มีโปรโมชั่น 0% ว่า ถือว่าดีเพราะทำให้คนที่ซื้อสินค้าซื้อเฉพาะสิ่งที่อยากได้ โดยไม่ได้มองว่าซื้อเพราะโปรโมชั่น โดยขณะนี้ระดับหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ซึ่งตัวเลขหนี้ 78.5% ถ้าตัดหนี้ธุรกิจออกไปจะเหลือ 65% ไม่ใช่เป็นระดับที่น่าตระหนก และใน 65% ส่วนใหญ่เป็นหนี้มีหลักประกันบ้าน รถยนต์ กว่า 50% โดยหนี้เสียของหนี้ครัวเรือนอยู่ระดับ 3% ถือว่าปกติไม่ได้สูงกว่าหนี้ทั่วไป ซึ่งระดับหนี้ครัวเรือนอยู่ในสัดส่วนนี้มานานกว่า 10 ปี

- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เปิดเผยว่า ยอมรับหนักใจตัวเลขของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้เห็นตัวเลขอัตราการเติบโต อยู่ที่ประมาณ 5-6% ต่อปีและอาจจะไม่เห็นการเติบโตที่ 10% อย่างในอดีต เพราะนอกจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่า ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยแล้วยังมีเรื่องประเทศคู่แข่งด้านการท่องเที่ยวของไทยในละแวกใกล้เคียงที่พร้อมทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อสนับสนุนตัวเลขนักท่องเที่ยว ขณะที่ ททท.กลับถูกตัดงบประมาณปี 2563 ลง 1,000 ล้านบาท

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com