• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 กันยายน 2562

    12 กันยายน 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าทำระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินเยน ท่ามกลางความเชื่อมั่นของตลาดที่กลับมาสดใสอีกครั้ง หลังสหรัฐฯและจีนดูจะมีท่าทีผ่อนคลายสงครามการค้าต่อกัน

อย่างไรก็ตาม ตลาดค่าเงินมีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างซบเซาแม้ความเชื่อมั่นจะดีขึ้น เนื่องจากตลาดกำลังจับตาไปยังการประชุมอีซีบีในคืนนี้ โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะทำการปรับลดดอกเบี้ย และอาจรวมถึงประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตัวใหม่

ค่าเงินเยนอ่อนค่า 0.5% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์แถว 108.16 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าที่สุดของวันที่ 1 ส.ค. ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าทำระดับสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ และค่าเงินหยวนจีนแข็งค่า 0.4% ทำระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 7.0855 หยวน/ดอลลาร์

สำหรับภายนอกตลาดเอเชีย กระแสคาดการณ์ว่าจะเห็นอีซีบีผ่อนคลายนโยบายคืนนี้ ได้กดดันค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงต่อเนื่องกว่า 3.5% นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. ทำระดับต่ำสุดที่ 1.0983 ดอลลาร์/ยูโร สำหรับวันนี้ค่าเงินยูโรค่อนข้างทรงตัวแถว 1.1013 ดอลลาร์/ยูโร

นักวิเคราะห์จาก National Australia Bank มีมุมมองว่า อีซีบีมีแนวโน้มสูงที่จะประกาศลดดอกเบี้ย รวมถึงให้สัญญาจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำในระยะยาว รวมถึงมีมาตรการบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดจากการใช้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ แต่ในเรื่องของการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตัวใหม่ ยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากคณะกรรมการของอีซีบีบางส่วนยังคงไม่เห็นด้วยกับการออกนโยบายใหม่

· EUR/USD เผชิญแนวต้านแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มย่อตัวก่อนการประชุม ECB

ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์ (EUR/USD) กำลังเคลื่อนไหวแถวระดับ 1.10 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางตลาดที่ให้ความสนใจไปยังการประชุมอีซีบีคืนนี้ เพื่อดูว่าอีซีบีจะมีการออกนโนบายกระตุ้นเศราฐกิจตัวใหม่หรือไม่ หรืออาจสร้างความผิดหวังให้กับตลาดและหนุนให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแทน

ทั้งนี้ ในเชิงเทคนิค ค่าเงินกำลังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสำคัญทางเทคนิคหลายเส้นด้วยกันระหว่างช่วง 1.1019 – 1.1030 ไม่ว่าจะเป้น เส้นค่าเฉลี่ยราย 10 – 4 ช.ม. เส้น Fibonacci 61.8% ระยะ 1 วัน เส้น Fibonacci 23.6% ระยะ 1 เดือน เส้น Bollinger Band ระยะ 1 ช.ม. เป็นต้น

ระดับสำคัญที่ต้องจับตา ในส่วนของแนวต้านแรกจะอยู่ที่ 1.1070 ตามมาด้วย 1.1105 ส่วนเส้นแนวรับแรกที่ค่อนข้างอ่อนแอจะอยู่ที่ 1.0990 ถัดไปที่ระดับ 1.0962 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของเดือนก่อน และแนวรับล่างสุดที่ 1.0885


· นักวิเคราะห์จาก TD Securities เผยมุมมองต่อการประชุมอีซีบีวันนี้ โดยคาดว่าอีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.20% และประกาศใช้มาตรการ QE ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรเป็นมูลค่า 4 หมื่นล้านยูโร/เดือน รวมถึงคาดว่าอีซีบีจะไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงกลางปี 2021 เป็นอย่างน้อย

ขณะที่การเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ต้องจับตาการประกาศขนาดของมาตรการ QE เป็นหลัก เนื่องจากมองว่า การประกาศใช้ QE และขนาดของมาตรการจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินมากกว่าการปรับลดดอกเบี้ย

· นักวิเคราะห์จากสถาบัน Natixis มีมุมมองว่า นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี ตกอยู่ภายใต้กระแสคาดการณ์และคาดหวังให้อีซีบีผ่อนคลายนโยบายหรือออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งกระแสดังกล่าวแข็งแกร่งจนถึงขนาดที่ว่าเป็นไปได้ไม่ได้เลยที่อีซีบีจะสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดในทางตรงกันข้าม

ทั้งนี้ ทางสถาบันฯเชื่อว่า แม้คณะกรรมการในอีซีบีบางส่วนจะยังไม่เห็นด้วยกับการผ่อนคลายนโยบาย แต่นายดรากีน่าจะสามารถผลักดันเสียงสนับสนุนได้มากพอที่จะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับลดดอกเบี้ย และการกลับเข้าซื้อสินทรัพย์

· ผู้เชี่ยวชาญเตือน การที่สหรัฐฯและจีนได้ส่งสัญญาณที่ดีต่อกันก่อนหน้าการเจรจาการค้าที่จะเกิดขึ้นในเดือน ต.ค. ไม่ได้หมายความว่าความขัดแย้งของทั้งสองจะคลี่คลายลง หรือจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ในเร็วๆนี้แต่อย่างใด

โดยหัวหน้าฝ่ายจัดอันดับประจำสถาบัน Fitch Ratings ระบุว่า แม้ตลาดจะตอบรับความเคลื่อนไหวดังกล่าวในเชิงบวก แต่เขาก็ยังไม่เห็น “การแก้ไขปัญหาที่แท้จริง” อย่างใด อีกทั้งฝั่งสหรัฐฯมักจะเปลี่ยนแปลงท่าทีค่อนข้างรวดเร็ว เขาจึงไม่ได้มองนัยยะของการเลื่อนขึ้นภาษีลงไปลึกมากนัก

ขณะที่นักวิเคราะห์จากธนาคาร ING มีมุมมองว่า การที่จีนประกาศยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าสหรัฐฯบางรายการเมื่อวานนี้ ไม่ได้หมายความว่าจีนจะอ่อนข้อให้กับสหรัฐฯแต่อย่างใด ในความเป็นจริงแล้ว แนวคิดที่จะยกเว้นภาษีให้กับสหรัฐฯถูกพิจารณามาตั้งแต่ในเดือน พ.ค. ดังนั้นการละเว้นภาษีครั้งนี้ จึงเป็นการช่วยเหลือเศรษฐกิจจีนมากกว่าที่จะเป็นส่งสัญญาณที่ดีให้กับสหรัฐฯ

· จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯทำการปรับมาตรการในการเจรจากับทางเกาหลีเหนือ เนื่องจากเกาหลีเหนือเองมีความตั้งใจที่จะกลับมาหารือเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้น สหรัฐฯควรผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรเพื่อเสริมการตัดสินใจให้แก่ทางเกาหลีเหนือ

· ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ฟื้นขึ้นมาหลังจากปรับร่วงลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ ท่ามกลางแรงหนุนจากสัญญาณการผ่อนคลายของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงแรงหนุนจากปริมาณสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯที่ปรับลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบปี

ทั้งนี้ ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับ +0.4% แถว 61.04 เหรียญ/บาเรลล์ ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับ +0.5% แถว 56.03 เหรียญ/บาร์เรล

· WTI technical analysis: ฝั่งรอซื้อจับตาที่เส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน


ราคาน้ำมัน WTI เมื่อวานนี้มีการรีบาวน์ขึ้นจากเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน ขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกแถว 56.30 เหรียญ/บาร์เรล ในช่วงตลาดเอเชียวันนี้ ซึ่งการรีบาวน์ดูจะมีเป้าหมายที่ระดับ 57.00 เหรียญ/บาร์เรล แต่หลังจากนั้นอาจเผชิญแนวต้านที่เป็นเส้นเทรนขาขึ้นแถวระดับ 58.75 เหรียญ/บาร์เรล กดดันการฟื้นตัวของราคาในระยะถัดไป

อย่างไรก็ตาม สัญญาณ MACD ยังคงบ่งชี้ถึงแนวโน้มทิศทางขาลง รวมถึงโอกาสที่ราคาอาจหลุดต่ำกว่าเส้นค้าเฉลี่ยที่ระดับ 55.45 เหรียญ/บาร์เรล หากเป็นเช่นนั้น ราคาจะมีแนวรับแรกที่ระดับ 54.55 เหรียญ/บาร์เรล ถัดจากนั้นไปจะเป้นเส้นเทรนขาขึ้นของวันที่ 7 ส.ค. ที่ระดับ 53.50 เหรียญ/บาร์เรล ทำหน้าที่เป็นแนวรับถัดไป

หากราคายังคงร่วงลงต่อจากแนวรับ 53.50 เหรียญ/บาร์เรล ฝั่งรอขายอาจหันไปให้ความสนใจที่ระดับ 51.80 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com