• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 12 กันยายน 2562

    12 กันยายน 2562 | Economic News


· ค่าเงินยูโรปรับตัวลงทำต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ก่อนทราบผลประชุมอีซีบีในคืนนี้ที่ถูกคาดว่าจะมีการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค


ทั้งนี้ แหล่งข่าววงในประมาณ 5 ราย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่อีซีบีอาจมีการประกาศแพ็คเกจการปรับลดดอกเบี้ย หรือการใช้ดอกเบี้ยระดับต่ำเป็นระยะเวลานานขึ้น รวมทั้งการชดเชยภาคธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากระดับดอกเบี้ยเชิงลบ ขณะที่หลายๆฝ่ายก็เชื่อว่าอีซีบีน่าจะเลือกทำการกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีเสียงค้านจากสมาชิกบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย


ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.1% ที่ระดับ 1.1009 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เงินเยนไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่ 1 ส.ค. จากการเจรจาการค้าสหรัฐฯและจีนที่ดูจะลดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยลงไป โดยเงินเยนอ่อนค่าอีก 0.2% ที่ระดับ 107.74 เยน/ดอลลาร์


ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 98.625 จุด หลังจากที่เมื่อวานปรับขึ้นไปทำ High บริเวณ 98.7 จุด


เมื่อวานนี้มีรายงานว่า จีนประกาศละเว้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯจำนวน 16 ประเภทก่อนการเข้าพบกันระหว่างสองประเทศในช่วงเดือนต.ค.นี้ เพื่อพยายามลดความตึงเครียดของการขึ้นภาษีครั้งล่าสุดระหว่างกัน


ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.19% ที่ระดับ 1.2322 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์สูงสุดของสกอตแลนด์ มีคำวินิจฉัยว่า การตัดสินใจของรัฐบาลของนายบอริส จอห์นสัน ที่ให้ปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้นไม่เห็นชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้เกิดเสียงเรียกร้องจากบรรดาสมาชิกรัฐสภาที่ต้องการให้สภาฯกลับมาเปิดทำการใหม่อีกครั้ง แต่ทั้งนี้คำวินิจฉัยดังกล่าวก็ไม่ได้มีการประกาศให้การพักดังกล่าวต้องถูกกเลิก


· การประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯล่าสุดวานนี้ พบว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต หรือ PPI ปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. จึงตอกย้ำถึงการรีบาวน์กลับได้ แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการที่เฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมสัปดาห์เพื่อสนับสนุนการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งในสัปดาห์นี้ ยังเหลือดาวเด่นทางการลงทุนอีก คือ ข้อมูลดัชนีการอุปโภคบริโภคสหรัฐฯที่จะประกาศคืนนี้ และยอดค้าปลีกสหรัฐฯที่จะประกาศคืนพรุ่งนี้



· ล่าสุดเช้านี้ CNBC มีรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2.5 แสนล้านเหรียญ หรือเป็นการเก็บภาษีจาก 25% เป็น 30% ที่จะมีผลในวันที่ 1 ต.ค. เป็น 15 ต.ค. แทน เนื่องจากจีนมีท่าทีในการเจรจาที่ดี

· เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี กล่าววิจารณ์เฟดผ่านทางทวิตเตอร์อีกครั้ง โดยระบุว่า เฟดเป็นผู้ไร้สติปัญญาในการดำเนินนโยบายและส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯมีความชะลอตัว ซึ่งเฟดควรที่จะทำการปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับศูนย์ หรือระดับติดลบ



อย่างไรก็ดี โฆษกของเฟดได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของนายทรัมป์ ที่กล่าวหาว่าระดับดอกเบี้ย ณ ปัจจุบัน อาจเป็นปัจจัยฉุดเศรษฐกิจขาลง

· ธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบี มีแนวโน้มจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตัวใหม่เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจยูโรโซนที่กำลังชะลอตัวหลังการประชุมคืนนี้ ขณะเดียวกันการดำเนินการดังกล่าวยังไม่เป็นที่แน่นอน ส่งผลให้ตลาดชะลอการลงทุนเพื่อจับตาดูผลการประชุมเสียก่อน

ท่ามกลางการที่ธนาคารกลางอื่นๆต่างหันมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ขณะที่เศรษฐกิจเยอรมนีกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเต็มที รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะชะลอตัวลง นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี จึงเหมือนถูกมัดมือชก ให้ทำการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และใช้ทุกๆเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ทางอีซีบียังคงมีอยู่เข้ามาช่วยเหลือเศรษฐกิจ


อย่างไรก็ตาม นายดรากีที่กำลังจะสละตำแหน่งให้กับนางคริสทีน ลาร์การ์ด ในช่วงสิ้นเดือน ต.ค. เผชิญกับเสียงต่อต้านไม่ให้ผ่อนคลายนโยบายจากคณะกรรมการของอีซีบีบางส่วน ที่มีความกังวลว่าการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินอาจให้ผลลัพธ์ที่จำกัด เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงที่สุดที่เศรษฐกิจยูโรโซนกำลังเผชิญ มาจากสงครามการค้า Brexit และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งล้วนแต่อยู่เหนือการควบคุมของอีซีบี


ทั้งนี้ แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าอีซีบีจะผ่อนคลายนโยบายลงมากน้อยแค่ไหน แต่มีแนวโน้มสูงที่ทางอีซีบีจะปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อในอนาคตลง รวมถึงกล่าวย้ำเตือนถึงปัจจัยเสี่ยงที่เศรษฐกิจกำลังเผชิญ

· แผนรับมือกับกรณี No-deal Brexit ของรัฐบาลอังกฤษ ได้เตือนถึงผลกระทบที่เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นหากอังกฤษถอนตัวออกจากอียูแบบไร้ข้อตกลง กล่าวคือ การขนส่งสินค้าข้ามพรหมแดนจะหยุดชะงักลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสบียงยาและอาหารสดบางประเภท รวมถึงอาจก่อให้เกิดการเดินขบวนประท้วงในหลายๆพื้นที่ของอังกฤษ กลายเป็นความวุ่นวายในระดับสาธารณะ

นอกจากนี้ ประชาชนอังกฤษดูจะมีความพร้อมรับมือกับกรณี No-deal Brexit อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งมีสาเหตุมาจากความสับสนในการดำเนินนโยบาย Brexit ของรัฐบาลอังกฤษ

· ผลสำรวจ Tankan ของสำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของบรรดากลุ่มผู้ผลิตในญี่ปุ่นอ่อนตัวลงไปทำต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปีครึ่ง จึงตอกย้ำว่าความกังวลต่อภาวะสงครามการค้าสหรัฐฯและจีนดูจะเป็นปัจจัยกดดันภาคส่งออกของญี่ปุ่น

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงหลังจากมีรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะลดความตึงเครียดกับอิหร่าน ที่อาจกลายมาเป็นปัจจัยสนับสนุนภาวะอุปทานตลาดโลก ขณะที่ตลาดมีความกังวลเรื่องอุปสงค์ด้านพลังงานทั่วโลกอยู่

รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า นายทรัมป์ มีการหารือเรื่องการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเพื่อให้สามารถเจรจาด้านความมั่นคงร่วมกับนายฮัสซัน รูฮานิ ประธานาธิบดีอิหร่านได้ในช่วงปลายเดือนนี้ หลังจากที่มีการปลดนายจอห์น โบลตันแบบสายฟ้าแลบในวันก่อนหน้า

น้ำมันดิบ Brent ปิด -1.57 เหรียญ หรือ -2.5% ที่ระดับ 60.81 เหรียญ/บาร์เรล โดยระหว่างวันทำต่ำสุดที่ 60.52 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 1.65 เหรียญ หรือ -2.9% ที่ระดับ 55.75 เหรียญ/บาร์เรล และระหว่างวันทำต่ำสุดที่ 55.61 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com