• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 5 สิงหาคม 2562

    5 สิงหาคม 2562 | SET News

 

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงท่ามกลาง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จุดประกายความกังวลต่อตลาดเกี่ยวกับความกังวลทางการค้า ประกอบกับข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ

ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวลง 98.41 จุด ที่ระดับ 26,485.01 จุด หลังจากที่ร่วงหนักในช่วงต้นตลาดกว่า 334.2 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.7% ที่ระดับ 2,932.05 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ที่ระดับ -1.3% ที่ระดับ 8,004.07 จุด โดยดัชนีร่วงลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วัน ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางเทคนิค

ตลาดหุ้นร่วงลงในสัปดาห์นี้ โดยดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลง 3.1% ขณะที่ดาวโจนส์ดิ่ง 3.9% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นระดับการร่วงลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดของปีนี้ และเรียกได้ว่านี่เป็นสัปดาห์ที่สองของปีที่ร่วงลงอย่างมาก

· ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะทำการหั่นภาษีสินค้านำเข้าจีนอีก 10% ด้วยมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญในเดือนหน้า ส่งผลให้ดัชนี Stoxx600 ปิด -2.4% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานที่ -4.6% และหุ้นกลุ่มรถยนต์ที่ -3.4% ประกอบกับหุ้นเทคโนโลยีที่ปิด -3.6%

ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนกลับเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างรวดเร็วหลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯทำการทวิตเตอร์ข้อความในวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับการคุกคามภาษีสินค้าสหรัฐฯและจีนในระหว่างที่มีการเจรจาหาทางแก้ไขร่วมกัน

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่วิตกกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯและจีนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -1.09% โดยร่วงลงต่อจากวันศุกร์ที่ปรับตัวลงไปกว่า 2% ท่ามกลางหุ้น Softbank Group ที่ร่วงลงหนัก 2.11% ขณะที่ Topix เช้านี้เปิด -1.26% และหุ้น Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -1.21%

ทางด้านหุ้น S&P/ASX200 ปิด -0.29% และ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นที่เปิด -0.32%

กลุ่มนักลงทุนรอดูว่าตลาดเอเชียจะตอบรับกับข่าวการประท้วงในฮ่องกงอย่างไร หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวนัดกันหยุดงานในวันนี้เพื่อต่อต้านรัฐบาลจีน และกดดันให้ผู้ว่าการเกาะฮ่องกงประกาศลาออก ประกอบกับเช้านี้จะมีการประกาศจาก Caixin เกี่ยวกับดัชนี PMI ภาคบริการจีนในช่วงเวลา 08.45น.

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 30.70-30.90 บาท/ดอลลาร์

- กระทรวงพาณิชย์ไทย ระบุว่า ตามที่สหรัฐฯ เตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีนอีก 10% รวม 3,812 รายการ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.62 นั้น ประเมินว่า ผลกระทบทางตรงต่อการส่งออกไทย และผลกระทบทางอ้อมผ่านห่วงโซ่อุปทานจีน มีไม่มากนักเมื่อเทียบกับมาตรการที่ผ่านมา และบางส่วนเป็นสินค้าที่ไทยมีการนำเข้าสุทธิในปี 2561 และ 2562 ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบผ่านห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อย่างใกล้ชิด"

- รมว.คลังไทย กล่าวภายหลังการมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลังถึงความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า คาดว่าภายในเดือน ส.ค.นี้จะสามารถเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการในภาพรวมทั้งหมด โดยเบื้องต้นมาตรการที่ออกมาจะไม่ใช่มาตรการระยะสั้น ส่วนรายละเอียดรจะพิจารณาจากความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ละส่วน ซึ่งมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดพิจารณาปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพื่อเตรียมมาตรการมารองรับ

- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ เมื่อวันศุกร์ เป็นเหตุการณ์ระยะสั้น ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ แต่ขณะนี้ยังเร็วไปที่จะประเมินความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

- ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า มีความเสี่ยงสูงที่เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตไม่ถึง 3% ซึ่งการใช้นโยบายการคลังเพียงอย่างเดียวคงจะไม่พอ แต่ต้องใช้นโยบายการเงินเข้ามาช่วยเสริม


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com