• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2562

    1 สิงหาคม 2562 | SET News

· นายมาร์ค โมบิอุส ผู้ก่อตั้งสถาบัน Mobius Capital Partners กล่าวเตือนว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะ “ปั่นป่วน” หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020 เนื่องจากการที่ตลาดสหรัฐฯสามารถเติบโตมาได้ตลอดช่วงไม่กี่ปีมานี้ เกิดจากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้งสิ้น เช่นการปรับลดภาษี บรรดาผู้ประกอบและบริษัทส่วนใหญ่จึงมองว่านโยบายของนายทรัมป์เป็นมิตรกับภาคธุรกิจ

ทั้งนี้ ทางสถาบันไม่ได้มองว่านายทรัมป์จะพ่ายแพ้การเลือกตั้ง แต่บรรดาสื่อส่วนใหญ่กลับมีมุมมองที่เป็นอคติกับนายทรัมป์มากจนน่าใจหาย จึงอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งในปีหน้าได้

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นทำระดับสูงุสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจาก เฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่กรอบ 2.00-2.25% ในการประชุมเดือนนี้ และไม่ได้มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในเวลานี้ขยายตัวไปอย่างผิดทาง แต่อาจได้รับผลกระทบในอนาคตได้ จึงนำมาสู่การตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี

โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.6% ร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงหลังจากที่นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ระบุว่าการลดดอกเบี้ย 0.25% ไม่ได้เป็นการเริ่มต้นเข้าสู่วัฎจักรของการปรับลดดอกเบี้ย

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงในช่วงก่อนหน้า และปิดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินที่ช่วยชดเชยความผิดหวังที่เฟดยังไม่เข้าสู่วัฏจักรการปรับลดดอกเบี้ยระยะยาว

โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.09% ที่ระดับ 21,540.99 จุด

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นเอเชีย หลังจากที่เฟดตัดสินใจประกาศลดดอกเบี้ยเมื่อคืนที่ผ่านมา รวมทั้งประเด็นความไม่แน่นอนทางการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนี Shanghai Composite ปรับลดลง 0.8% ที่ะรดับ 2,908.77 จุด

· ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน หลังจากที่ผลประกอบการดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับการขาดทุนในช่วงต้นซึ่งเป็นผลมาจากการที่เฟดผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ท่ามกลางเหล่าเทรดเดอร์ที่รอคอยการประชุมบีโออีในการประชุมวันนี้ โดยดัชนี Stoxx600 ทรงตัว

สำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC)ได้ตัดสินใจลดดอกเบี้ยลง 0.25% ว่า เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเป็นการเปลี่ยนเทรนด์ดอกเบี้ยของโลก เนื่องจากก่อนหน้านี้เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อดูแลปัญหาเงินเฟ้อ แต่เมื่อประเมินว่าเงินเฟ้อไม่ได้มีแรงกดดันอย่างแท้จริง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง จึงอาจจะเป็นปัจจัยทำให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยเพื่อดูแลปัญหานี้

อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะมีขึ้นอีกครั้งหรือไม่ เนื่องจากจะทำให้ไทยได้รับแรงกดดันจากส่วนต่างดอกเบี้ยมากขึ้น เพราะส่วนหนึ่งที่นักลงทุนจะตัดสินใจลงทุนคือส่วนต่างของดอกเบี้ย ดังนั้นการลดดอกเบี้ยของเฟด จะส่งผลให้เกิดแรงจูงใจในการลงทุนที่สหรัฐฯลดลง ส่วนจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นอีกหรือไม่นั้น เห็นว่า เรื่องนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะดูแลเป็นอย่างดี

- นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องของผลกระทบจากการขึ้นภาษีความหวานอาจทำให้ภาคเอกชนหลายรายเปลี่ยนสูตรการผลิตสินค้า โดยใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งในอนาคตจะทำให้ความต้องการอ้อยที่นำมาใช้ผลิตน้ำตาลลดลง หวั่นส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ว่า การขึ้นภาษีดังกล่าวเป็นเพียงสาเหตุหนึ่งเท่านั้น

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากปริมาณการบริโภคน้ำตาลทรายภายในประเทศตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งมีปริมาณการบริโภคอยู่ที่ 2.6 ล้านตัน ปี 61 มีปริมาณการบริโภคอยู่ที่ 2.5 ล้านตัน และในปี 2562 จนถึงปัจจุบัน มีการบริโภคน้ำตาลทรายไปแล้ว (ตั้งแต่เดือนมกราคม – เดือนกรกฎาคม) จำนวน 1.46 ล้านตัน และไทยคาดว่าจะมีปริมาณการบริโภคในปีนี้ประมาณ 2.6 ล้านตัน


 
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com