· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ส่งสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.2% ด้านหุ้นน้ำมันและแก๊ซเพิ่มขึ้น 1.1% ขณะที่หุ้นวัสดุก่อสร้างและปรับตัวลดลง 0.3%
โดยกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลบริการทางการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร ว่า การลงทุนในภาคธุรกิจมีการชะลอตัวจากความไม่แน่นอนของแนวโน้มทางเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อก็ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 2% ที่เฟดกำหนดเป้าไว้ ซึ่งความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นผลมาจากความกังวลต่อความตึงเครียดทางการค้าและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ดูจะเป็นปัจจัยกดดันต่อแนวโน้มและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.8%
· นักกลยุทธ์ประจำ Sumitomo Mitsui DS Asset Management ระบุว่า ตลาดคาดหวังว่าถ้อยแถลงของประธานเฟดจะหนุนการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ซึ่งก็เป็๋นไปตามที่คาด ขณะที่ตลาดจับตาข้อมูล CPI สหรัฐฯที่จะประกาศในคืนนี้ เพื่อหาสัญญาณว่าจะสามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ถึง 0.5% ในการประชุมเดือนนี้หรือไม่
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น หลังจากนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวถ้อยแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรในเชิง Dovish ในการดำเนินนโยบายทางการเงินมากขึ้น และมีการชี้นำถึงแรงกดดันต่อเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ ขณะที่บริษัทประกันภัยเจแปนโพสต์ปรับตัวลง 6.4% แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่บริษัท ยอมรับว่ามีการจัดการที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายการประกันมากกว่า 90,000 รายการ
โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.5% ที่ระดับ 21,643.53 จุด
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเฟดส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายทางการเงินเชิงผ่อนคลาย ขณะที่ความไม่แน่นออนเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้กดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน โดยดัชนี Shanghai Compositeเพิ่มขึ้น 0.1% ที่ะรดับ 2,917.76 จุด
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
· นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลประยุทธ์ 2 ว่า แม้จะมี ครม.ชุดใหม่ แต่สิ่งสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้อยู่ที่เรื่องของนโยบาย ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมกันผลักดันนโยบาย ความเชื่อมั่นก็จะเกิดขึ้น
ขณะที่เศรษฐกิจของไทยช่วงครึ่งปีหลังต้องเน้นการสร้างความเข้มแข็งในประเทศ และต้องเดินหน้าการลงทุนในโครงการต่างๆ รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเชื่อว่า ทางกระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการเพื่อให้รัฐมนตรีคนใหม่มาสานงานต่อแล้วและจากการที่ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) อยู่ที่ 3.5% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีพอสมควร ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้