MTS Help Center

· ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดปรับลงเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางแรงกดดันในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและภาคธนาคาร จึงทำให้ตลาดลดความร้อนแรงในช่วงต้นเดือนลง

ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับลง 43.68 จุด หรือ -0.2% ที่ 26,004.83 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.2% ที่ 2,879.84 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -0.4% ที่ 7,792.72 จุด

· ตลาดให้ความสนใจไปยังข้อขัดแย้งทางการค้าระดับโลก หลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯเพิ่มแรงกดดันข้อตกลงการค้ากับจีน โดยระบุว่า เขาไม่สนใจที่จะเดินหน้าทำข้อตกลงกับจรน เว้นแต่จีนจะเห็นพ้องกับข้อตกลงหลักๆได้ประมาณ 5 ข้อ ซึ่งในประเด็นนี้นายทรัมป์ไม่ได้ระบุว่าหมายถึงเรื่องใดบ้าง

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาไปยังตัวเลขเศรษฐกิจที่ดูจะกดดันให้นักลงทุนเพิ่มมุมมองต่อความเป็นไปได้ที่จะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ย โดยเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ล่าสุด บ่งชี้ว่า มีโอกาสมากถึง 85.3% ที่เฟดจะทำการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค.

· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับลง หลังจากสหรัฐฯและจีนยังมีท่าทางแข็งกร้าวทางการค้าระหว่างกัน โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -0.26% หลังหุ้นพลังงานปรับลงไป -2.1% ขณะที่ภาคธนาคารร่วง -1.1% ท่ามกลางหุ้นสื่อน่างๆที่ปิด +0.7%

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสมผสานกันตามการร่วงลงของหุ้นสหรัฐฯวานนี้ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.48% และ Topix เปิด -0.86% หลังหุ้นบริษัท Display ดิ่งลงกว่า 11.5% จากการที่บริษัทมีการประกาศปรับแผนโครงสร้างใหม่

ทางด้านหุ้น Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.25% และ ASX 200 เปิดปรับขึ้นเล็กน้อย

ทั้งนี้กลุ่มนักลงทุนรอจับตาไปยังการเปิดตลาดฮ่องกงของ HSI ที่เมื่อวานนี้ปิด -1.73% หรือร่วงกว่า 2% ในช่วงบ่ายวานนี้ท่ามกลางความผันผวนจากเหตุจลาจลที่ส่งผลให้ตำรวจต้องใช้วิธีเข้าปราบปรามสลายการชุมนุม

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 31.20-31.30 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง และแข็งค่ามากกว่าภูมิภาค เนื่องจากมี fund flow ไหลเข้ามาในประเทศ