MTS Help Center

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับลงจากแนวโน้มที่จะเห็นเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดลง 122.35 จุด คิดเป็น -0.46% ที่ 26,307.79 จุด โดยหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯทำระดับสูงสุดระหว่างวัน ขณะที่ภาพรวมดัชนีดาวโจนส์ในระหว่างวันร่วงลงไป 249 จุด ทำระดับต่ำสุดของวัน ดัชนี S&P 500 ปิด -0.21% ที่ระดับ 2,917.52 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -0.16%

เครื่องมือ Fed Rate ของ CME ชี้ว่า บรรดานักลงทุนปรับลดมุมมองโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยปีนี้ต่ำกว่า 50% หลังจากที่มองโอกาสไว้เกือบ 65% ที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยปีนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วงเดือนธ.ค. ก่อนทราบถ้อยแถลงประชุมเฟด

อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงจากการที่ นางแนนซี่ เปโลซี่ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวหาว่า นายวิลเลียม บาร์ อัยการสูงสุดว่ามีการให้การเท็จต่อทางสภาคองเกรส ขณะที่กลุ่มนักลงทุนกังวลว่าการมีปัญหาทางการเมืองดังกล่าวอาจส่งผลต่อโอกาสที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯและคองเกรสจะทำงานร่วมกันสำหรับงบประมาณโครงสร้างพื้นฐานและแผนการปรับเพิ่มเพดานหนี้

· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงตอบรับต่อถ้อยแถลงประธานเฟด และการดำเนินนโยบายของบีโออี ท่ามกลางผลประกอบการภาคบริษัท และข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของยูโรโซน โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -0.6% ขณะที่หุ้น FTSE และค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงวานนี้ หลังบีโออีจะคงดอกเบี้ยไว้ตามเวลาการขยายเดดไลน์ Brexit

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสมผสานกันในเช้าวันนี้ ท่ามกลางตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดดิ่งลงเป็นวันที่สอง จากกลุ่มนักลงทุนที่ยังคงตอบรับกับถ้อยแถลงของประธานเฟดในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด-0.3% ทางด้านดัชนี ASX200 ของประเทศออสเตรเลียเปิด -0.21%

· ตลาดญี่ปุ่นและจีนยังคงปิดทำการในวันหยุดประจำชาติ

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80 - 32.10 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าตามทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาดการณ์

- ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 หรือไม่ โดยได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันที่ 8 พ.ค.62 เวลา 9.30 น.

- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.62 อยู่ที่ระดับ 79.2 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และลดลงต่ำสุดในรอบ 16 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง รวมทั้งกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวช้า และกำลังซื้อของประชาชนยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนัก ราคาสินค้าเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน

- ธปท. เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน เม.ย.62 ปรับลดลงจากเดือนก่อนมามาสู่ระดับ 49.2 จากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคการผลิตที่มีความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อที่ลดลง โดยเฉพาะคำสั่งซื้อจากลูกค้าในประเทศ นำโดยกลุ่มผลิตยานยนต์ กลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มผลิตปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ ยางและพลาสติก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการและการผลิตของกลุ่มดังกล่าวลดลงตามไปด้วย

- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือสภาผู้ส่งออก ปรับลดคาดการณ์การส่งออกไทยปี 2562 เหลือโต 3% จากเดิมคาดโต 5% หลังจากการส่งออกในช่วงไตรมาส 1/62 ติดลบ 1.6% โดยมองว่ายังมีความเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกไทยปีนี้ คือ เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงกระทบกำลังซื้อของประเทศผู้นำเข้า, ความสามารถในการแข่งขันของเวียดนามที่เพิ่มขึ้น, ผู้ประกอบการหลายอุตสาหกรรมยังได้รับผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน, ปรากฎการณ์เอลนินโญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตร และแนวโน้มการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่กระทบต่อผู้ประกอบการรายเล็ก