• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 9 เมษายน 2562

    9 เมษายน 2562 | SET News

· ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากปรับสูงขึ้นในติดต่อกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงของการประกาศผลประกอบการในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ขณะที่หุ้น Boeing และ General Electric ปรับร่วงลงกว่า 4% หลัง Bank of America Merrill Lynch ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของทั้งสองบริษัทจาก Buy เป็น Neutral เนื่องจากโศกนาฏกรรมที่เกิดกับเครื่องบินรุ่น 737 Max ทำให้สายการผลิตเครื่องบินรุ่นเดียวกันนี้ถูกเลื่อนออกไป 6 – 9 เดือน

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิด -84 จุด หรือ 0.32% ที่ 26,341.02 จุด ขณะที่ ดัชนี S&P 500 ปิดบวกเล็กน้อยประมาณ 0.1% หรือ +3.03 จุด ที่ 2,895.77 จุด ส่วนดัชนี Nasdaq ปิด +0.2% หรือ 15.19 จุด ที่ 7,953.88 จุด

นักวิเคราะห์จาก Newton Advisors ระบุว่า ภาพรวมตลาดหุ้นยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง แต่เนื่องจากตลาดหุ้นได้ปรับสูงขึ้นชนกับแนวต้านและอยู่ในแดน Overbought จึงทำให้ตลาดหุ้นเมื่อคืนมีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างเบาบาง

· ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดทรงตัว ตามหุ้นสหรัฐฯที่ปิดค่อนข้างทรงตัว โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เปิดทรงตัวแถว 541.38 จุด

ขณะที่ดัชนี Nikkei เปิด +0.13% นำโดยหุ้น Fanuc ที่ปรับสูงขึ้นถึง 2% ขณะที่ดัชนี Topic กลับเปิด -0.12%

ด้านดัชนี Kospi เปิด +0.11% นำโดยหุ้น LG Chem ที่เปิด +1%

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์ นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 31.75-32.00 บาท/ดอลลาร์

· นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส Economic Intelligence Center (SCBEIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่า สิ้นปี 62

เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากสิ้นปีก่อน โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะชะลอลง การดำเนินนโยบายของเฟดที่ผ่อนคลายขึ้น สงครามการค้าที่มีแนวโน้มคลี่คลายลงต่อไป และดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่จะยังเกินดุลในระดับสูง ซึ่ง SCB EIC ประเมินว่า เงินบาทจะอยู่ในกรอบ 31-32 บาท/ดอลลาร์

· ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะหารือมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

สศค.)ในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจจะออกเป็นแพคเกจในส่วนของมาตรการการคลัง เนื่องจากมองว่ามาตรการภาษีหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า

ยังมีความสำคัญอยู่

· ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลงนามความร่วมมือการส่งเสริมการชำระเงินสกุลท้องถิ่นในกลุ่มประเทศอาเซียน กับ

ธนาคารกลางอินโดนีเซีย, ธนาคารกลางมาเลเซีย, ธนาคารฟิลิปปินส์ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกธุรกรรมทางการค้าและการลงทุน

ของทั้ง 4 ประเทศ อีกทั้งเพื่อให้ความเสี่ยงจากความเคลื่อนไหวของเงินสกุลหลักลดลงไป

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com