• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 22 มีนาคม 2562

    22 มีนาคม 2562 | SET News

· ตลาดหุ้นเอเชียปิดทำ High รอบ 6 เดือนครึ่ง หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาสดใส ประกอบกับการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ช่วยผลักดันให้หุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น ประกอบกับแรงหนุนบางส่วนของการที่เฟดมีท่าทีระมัดระวังต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.3%

นักเศรษฐศาสตร์อาสุโสประจำ Daiwa SB Investments ระบุว่า มุมมองเชิงบวกที่ช่วยหนุนการเพิ่มขึ้นของหุ้นภาคเทคโนโลยีในตอนนี้ สะท้อนถึงความคาดหวังว่าสหรัฐฯและจีนจะบรรลุข้อตกลงทางการค้าในที่สุด


· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเคลื่อนไหวเล็กน้อย เนื่องจากหุ้นกลุ่มบลูชิพช่วยชดเชยความอ่อนแอในหุ้นการเงินและผู้ผลิตยา ซึ่งหุ้นบริษัท Eisai ร่วงลง 17% สู่ระดับต่ำสุดที่ 7,565 เยน หลังจากผู้ผลิตยาและ บริษัท Biogen Inc กล่าวว่าพวกเขากำลังสิ้นสุดการทดลอง aducanumab สำหรับยารักษาโรคอัลไซเมอร์

โดยดัชนี Nikkei ปิดเพิ่มขึ้น 0.1% ที่ระดับ 21,627.34 จุด หลังจากเคลื่อนไหวผันผวนในแดนลบและบวก


ตลาดหุ้นจีนทรงตัวในวันนี้ ก่อนหน้าการเจรจาทางการค้ากบัสหรัฐณครั้งใหม่ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ดี ภาพรวมรายสัปดาห์ดัชนีปรับตัวสูงขึ้น 2.5% ท่ามกลางกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับมาตรการทางนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการเติบโตในเศรษฐกิจจีน โดยดัชนี Shanghai Composite ทรงตัวที่ะรดับ 3,104.15 จุด


· สัญญาอนุพันธ์ Dow Jones ในตลาดเอเชียปรับตัวลง 38 จุด หลังจากที่ช่วงเปิดตลาดร่วงลงไปกว่า 14 จุด ทางด้าน S&P500 และ Nasdaq มีการเคลื่อนไหวผสมผสานกัน โดยนักลงทุนยังคงตอบรับกับท่าทีระมัดระวังต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯของเฟด หลังจากที่ประชุมล่าสุดเฟดมีการปรับมุมมองเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย, การยุติแผนปรับลดยอดงบดุล รวมทั้งการขยายตัว


· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการดำเนินนโยบายของเฟดและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ก็ตาม โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้นประมาณ 0.2% ขณะที่ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก

ด้านธนาคารกลางอังกฤษประกาศคงอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากปัจจัยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

· ประชาชนออกมาใช้สิทธ์ล่วงหน้าจำนวนมาก เป็นสัญญาณเตือนให้กกต.ต้องเร่งรับมือในวันที่ 24 มี.ค.62 โดยมีผู้ลงทะเบียนในวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 2.6 ล้านคน มีผู้ออกมาใช้สิทธ์ 86.98% และมีหลายแห่งใช้สิทธ์เกิน 90%

โดยประธานกกต.เผยว่า พบมีการกระทำที่อาจถือว่าผิดกฎหมาย ได้แก่ การนำบัตรเลือกตั้งไปลงคะแนนให้พรรคการเมืองหนึ่ง การนำบัตรประชาชนผู้อื่นไปแสดงเพื่อขอใช้สิทธ์ การทำประกาศปลอมว่า ผอ.เลือกตั้งเขตไม่รับสมัครผู้สมัครรายหนึ่ง การแจกบัตรเลือกตั้งผิดเขต ซึ่งหากลงคะแนนแล้วแก้ไขไม่ได้ และกรณีแอพพ์สมาร์ทโหวตล่ม ได้ดำเนินการปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์เป็นเวลา 15 นาที ซึ่งทำหมดได้ดำเนินการแจ้งความและแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.ที่จะถึงนี้

· การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมนี้ มีพรรคการเมืองเข้าร่วมทั้งหมด 76 พรรค พรรคส่วนใหญ่ลงสมัครในระดับท้องถิ่นเท่านั้น แต่จำนวนพรรคที่มากขนาดนี้ทำให้การทำนายผลการเลือกตั้งทำได้ยาก
พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลทหารและที่ได้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่เป็นที่นิยมของประชาชน

ในการหยั่งเสียงครั้งล่าสุด ทำนายกันว่าพรรคนี้จะได้ที่นั่งในสภาเพียง 62 ที่นั่งเท่านั้น แม้จะเป็นหนึ่งในไม่กี่พรรคที่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งทั่วประเทศก็ตาม ตัวเลขนี้น้อยกว่า 126 ที่นั่งมาก ซึ่งเป็นตัวเลขที่จะทำให้พรรคสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
ความคาดหวังของพรรค คือ พรรคจะได้ที่นั่งเป็นจำนวนเพียงพอ และด้วยการสนับสนุนของวุฒิสภาและพรรคแนวร่วม อย่างเช่น พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ อาจได้ 376 ที่นั่ง และคงอำนาจไว้ได้ มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 51.4 ล้านคน แต่ร้อยละ 25 ของจำนวนนี้ อยู่ในช่วงอายุ 18-35 ปี เจ็ดล้านกว่าคน ไม่เคยลงคะแนนเสียงเลือกตั้งมาก่อน และหลังจากแปดปีที่ผ่านมา คนจำนวนมากนี้ พร้อมที่จะออกไปเลือกตั้ง

ผลการสำรวจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจนถึงปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า มีคนรุ่นใหม่จำนวนน้อยมากให้การสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งคนรุ่นใหม่ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคนี้ด้วย และถ้าหากว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว จะถูกนำมาเป็นตัวอย่างที่ดีได้ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มีความต้องการอย่างแรงกล้าให้พลเรือนปกครองประเทศ มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าไปลงคะแนนถึงร้อยละ 87 ของทั้งหมดจำนวน 2.6 ล้านคน ที่ไปลงคะแนนเสียง ซึ่งสูงกว่าจำนวนผู้ออกเสียงในการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ที่อยู่ร้อยละ 75 เป็นอย่างมาก

พรรคที่ได้รับการสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่ในเมืองใหญ่คือ พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มหาเศรษฐีหนุ่มวัย 40 ปี เป็นหัวหน้าพรรค นโยบายการหาเสียงของพรรคนี้คือ การตัดงบประมาณทหารและแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลทหารได้ขู่ที่จะยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเกรงกลัวพรรคนี้เพียงใด จุดอ่อนของพรรคอนาคตใหม่คือ พรรคนี้เป็นพรรคใหม่เอี่ยม และไม่ได้ส่งผู้สมัครลงทั่วประเทศ

การยุบพรรคไทยรักษาชาติ สร้างความสั่นสะเทือนอย่างหนักแก่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกเนรเทศออกนอกประเทศ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รู้ดีว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เอื้อประโยชน์แก่พรรคการเมืองขนาดเล็ก ดังนั้น กลุ่มย่อยของพรรคเพื่อไทย รวมทั้งพรรคไทยรักษาชาติ จึงได้แยกตัวออกมาจัดตั้งพรรคการเมืองเอง

เป็นที่คาดกันว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับคะแนนเสียงมากกว่าพรรคอื่น และอาจได้จำนวนที่นั่ง 130-140 ที่ จากนั้น พรรคนี้จะจับมือกับพรรคพันธมิตรอีกสองหรือสามพรรคและพรรคอื่นๆ อีกไม่กี่พรรค เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม ดังนั้น หลายพรรคที่สนับสนุนทักษิณจึงไม่ได้ส่งผู้สมัครลงแข่งกับพรรคที่สนับสนุนทักษิณด้วยกัน ตัวอย่างเช่น หากผู้สมัครคนหนึ่งของพรรคเพื่อไทยเป็นที่นิยมมากในเขตหนึ่ง พรรคไทยรักษาชาติก็จะไม่ส่งผู้สมัครลงในเขตนั้น และเช่นเดียวกันในทางกลับกัน


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com