• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 มีนาคม 2562

    19 มีนาคม 2562 | SET News


· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับขึ้นเพราะได้รับอานิสงส์จากหุ้นอเมซอนและแอปเปิ้ลที่พุ่งขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นของหุ้นสหรัฐฯก็เป็นไปอย่างจำกัดเพราะยังมีแรงกดดันจากหุ้นบริษัทโบอิ้งและเฟซบุ๊ค ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ยังรอคอยการประชุมเฟด

ดัชนี S&P500 ปิดปรับขึ้น 0.4% ที่ระดับ 2,832.94 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิด +0.3% ที่ 7,714.48 จุด และดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 65.23 จุด ที่ระดับ 25,914.1 จุด

· กลุ่มนักลงทุนในตลาดหุ้นให้ความสนใจไปยังการประชุมเฟดช่วง 2 วันนี้ และเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ก็บ่งชี้ว่า มีโอกาส 0% ที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวาระนี้ แต่นักลงทุนก็ยังรอคอยสัญญาณทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากประชุมเฟด

· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับขึ้น ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะตัดสินใจด้วยท่าทีผ่อนคลายทางการเงินในวาระการประชุมสัปดาห์นี้ โดยดัชนี Stoxx 600 ปิดปรับขึ้น 0.22% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มหลักส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวแดนบวก

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ก่อนหน้าการประชุมเฟดในวันพรุ่งนี้ โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei ร่วงลง 0.59% ขณะที่ดัชนี Topix ร่วงลง 0.64% ด้านดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ลดลงเช่นเดียวกัน ที่ระดับ 0.18%

· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้ค่าเงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 31.58-31.80 บาท/ดอลลาร์ ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่น่าจะระมัดระวังการซื้อขายก่อนจะรู้ผลการประชุมเฟดและคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รวมทั้งผลการเลือกตั้งของไทย

· ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยในการประชุมนโยบายการเงินครั้งที่ 2 ของปี 2562 ในวันที่ 20 มีนาคม 2562 จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินจะยังคงให้น้ำหนักการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยตามสถานการณ์ของเศรษฐกิจ (data dependent)

· กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.75% ด้วยเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ในวันที่ 20 มีนาคม ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศที่ออกมาอ่อนแอต่อเนื่องรวมถึงการปรับท่าทีของธนาคารกลางหลักสู่การลดระดับคุมเข้มนโยบาย ทำให้ปรับคาดการณ์ช่วงเวลาที่จะมีการปรับดอกเบี้ยของไทยออกไป โดยมองว่า หากกนง.จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

· ตลาดจะให้ความสนใจกับท่าทีของเฟดต่อภาวะเศรษฐกิจการเงินสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยและการดำเนินมาตรการเกี่ยวกับขนาดงบดุลของเฟดในระยะข้างหน้า รวมทั้งจับตาประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่นักลงทุนจะติดตามความพยายามที่จะผลักดันข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษให้ผ่านรัฐสภาอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ส่วนการเลื่อนกำหนด Brexit จะต้องอาศัยเสียงสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากประเทศสมาชิกอียูอีก 27 ประเทศ ซึ่งจะประชุมสุดยอดในวันที่ 21 มี.ค.นี้

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com