• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561

    26 พฤศจิกายน 2561 | Economic News
• ค่าเงินดอลลาร์ยังคงทรงตัวอยู่ในแดนบวก โดยดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวบริเวณ 96.76 จุด ท่ามกลางแรงเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven จากความกังวลเกี่ยวกับสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความขัดแย้งทางการค้าระหว่งาจีน-สหรัฐฯที่กดดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง

ด้านค่าเงินอ่อนค่าลงเล็กน้อยบริเวณ 1.2804 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังบรรดาผู้นำอียูและอังกฤษสามารถบรรลุข้อตกลง Brexit ที่อ้างว่าเป็นข้อตกลงที่ “ดีที่สุดเท่าที่เป็นได้”อย่างไรก็ตาม อังกฤษยังจำเป็นต้องนำตกลงดังกล่าว ไปทำการลงมติในรัฐสภาเสียก่อน ซึ่งคาดว่าการลงมติจะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. และค่าเงินปอนด์ก็มีแนวโน้มที่จะทรงตัวก่อนทราบผลการลงมติ

นอกจากประเด็น Brexit แล้ว ตลาดยังจับตาการประชุม G20 ที่คาดว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะร่วมกันเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าร่วมกันได้โดยตรง

โดยนักวิเคราะห์จาก National Australia Bank ประเมินว่า หากมีสัญญาณเกี่ยวกับการสงบศึกในสงครามการค้าครั้งนี้ ก็มีแนวโน้มที่ค่าเงินดอลลาร์อาจเผชิญแรงเทขายและอ่อนค่าลงมา และจะหนุนค่าเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง ดอลลาร์ออสเตรเรีย ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และค่าเงินของตลาดเกิดใหม่ในเอเชียได้

ด้านค่าเงินเยนอ่อนค่า 0.25% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่บริเวณ 113.22 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่า 0.7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่บริเวณ 1.1335 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางแรงกดดันจากปัจจัยทางเศรษฐกิจยูโรโซนที่ประกาศออกมาไม่ค่อยสดใสนักในสัปดาห์ก่อน

• ผลสำรวจเบื้องต้นประจำไตรมาสที่ 4/2018 พบว่า การขยายตัวของกิจกรรมภาคอุตสาหกรรมในประเทศญี่ปุ่นชะลอตัวด้วยอัตราที่มากที่สุดในรอบ 2 ปี ในเดือน พ.ย. ขณะที่ปริมาณคำสั่งซื้อปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ย. ปี 2016 ส่งผลให้มุมมองว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะสามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาสสุดท้ายของปีเริ่มเบาบางลง

โดยดัชนี PMI ของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงแตะระดับ 51.8 จุด จากเดิมที่ระดับ 52.9 จุด ในเดือน ต.ค.ขณะที่ดัชนีวัดยอดคำสั่งซื้อใหม่ปรับลดลงสู่ระดับ 49.6 จุด จากเดิม 52.6 จุดในเดือน ต.ค. ซึ่งหมายความว่า ยอดส่งออกขยายตัว แต่เป็นอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

• รัฐมนตรีชั้นผู้น้อยแห่งอิตาลีกล่าวว่า รัฐบาลอาจพิจาณา “แก้ไข” ร่างงบประมาณปี 2019 เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของตลาด จึงเป็นสัญญาณว่าอิตาลีอาจกลับมาเจรจากับอียูเกี่ยวกับการแก้ไขร่างงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษของอียู

• ขณะที่รายงานจาก Reuters ระบุว่า รัฐบาลอิตาลีมีกำหนดการจะประชุมร่วมกันภายในวันจันทร์นี้ โดยหัวข้อการเจรจาอาจเกี่ยวข้องกับการแก้ไขยอดขาดดุลในแผนงบประมาณปี 2019 ที่วางแผนไว้ในระดับที่สูงเกินไป

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังจากร่วงลงกว่า 8% ในช่วงก่อนหน้า ขณะที่น้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้นอยู่เหนือระดับ 60 เหรียญ/บาร์เรล อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนยังคงอ่อนแอ ท่ามกลางแรงเทขายในตลาดการเงินเมื่อสัปดาห์ก่อน

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.3% ที่ระดับ 51.08 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 2.2% ที่ระดับ 60.11 เหรียญ/บาร์เรล

• รายงานจาก Reuters ระบุว่า การปรับร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านๆมา นอกจากที่จะปัจจัยมาจากสัญญาณการชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลกแล้ว ยังมีแรงกดดันมาจากปริมาณการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ลดลง ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินเอเชียและหุ้นต่างๆ

โดยสินทรัพย์ที่ยกตัวอย่างมา สามารถขยายตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างจีน และอินเดีย

แต่เนื่องด้วยอัตราหนี้สินในประเทศที่ขยายตัวในอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งแรงกดดันทางการค้าจากนโยบายของสหรัฐฯ และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ได้สางผลให้บรรดานักลงทุนถอนเม็ดเงินลงทุนออกจากสินทรัพย์เสี่ยงอย่างน้ำมันหรือหุ้น และหันเข้าหา Safe-haven อย่างค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแทน

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com