• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2561

    12 พฤศจิกายน 2561 | Economic News

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นติดระดับสูงสุดรอบ 16 เดือน เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร ท่ามกลางการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯจากประชุมเฟดที่ยังมีท่าทีตอกย้ำที่จะเดินหน้าคุมเข้มทางการเงิน จากทิศทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

ดัชนี S&P500 ปิดลดลงไปกว่า 1% จากการร่วงลงของหุ้นเทคโนโลยี, ภาคอุตสาหกรรม และบริษัทวัตถุดิบจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ และการ่วงลงของราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มความกังวลต่อภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก

ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดูจะส่งผลให้ข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิตจีนชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนต.ค. อันเป็นผลมาจากการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ และกิจกรรภาคการผลิต ขณะที่ยอดขายรถยนต์ร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4

ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้อุปสงค์ความต้องการค่าเงินในฐานะ Safe Haven และกดดันให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่ามากถึง 7%เมื่อเทียบดอลลาร์ ขณะที่กดดันให้ยูโรลงไปแถว 1.13 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่วันศุกร์ราคาทองคำปรับลง 0.26% ที่ระดับ 1.133 ดอลลาร์/ยูโร

ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่ามาที่ 97.01 จุด และไม่ห่างจากระดับสูงสุดรอบ 16 เดือนบริเวณ 97.2 จุดที่ทำไว้เมื่อ 31 ต.ค.

ทางด้านค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าลงไปในรอบเกือบ 5 สัปดาห์ที่ระดับ 113.75 เยน/ดอลลาร์ และภาพรวมร่วงลงไปแล้ว 1.6% ในช่วง 10 วันทำการ

ค่าเงินปอนด์ปรับอ่อนค่าลงหลังจากที่ นายโจ จอห์นสัน รองรัฐมนตรีกระทรวงการขนส่งอังกฤษประกาศลาออกจากรัฐบาลของนางเมย์ โดยกล่าวหาว่าแผน Brexit ของเธอเป็นเรื่องหลอกลวง และเรียกร้องให้มีการลงประชามติอังกฤษออกจากสมาชิกอียู จึงทำให้ค่าเงินปอนด์ปรับลงมาอีก 0.54% ที่ระดับ 1.297 ดอลลาร์/ปอนด์ หรือปรับลง 1.304 ดอลลาร์/ปอนด์

• รัฐบาลอิตาลี กล่าวว่า รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจอิตาลีกำลังพิจารณาการปรับลดแนวโน้มคาดการณ์งบประมาณปีหน้าและความพยายามในการบรรลุข้อตกลงร่วมกับคณะกรรมาธิการยุโรป

อย่างไรก็ดี ทางคณะกรรมาธิการอียูให้เวลาโรมจนถึงวันอังคารในการนำเสนองบประมาณฉบับใหม่ที่อาจเริ่มพิจารณาให้เข้าระเบียบจากช่วงปลายเดือนที่แล้ว ซึ่งอิตาลีมีการปรับทบทวนคาดการณ์จีดีพีปี 2019 ว่าจะเติบโตได้ประมาณ 1.5%

• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะทำการกล่าวถ้อยแถลงในวันนี้เกี่ยวกับการเปิดกว้างทางความต่างด้านความสัมพันธ์กับรัสเซียครั้งใหม่และการหยุดการโจมตีภายใต้สนธิสัญญาด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ

• เจ้าหน้าที่จากไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศอาร์เจนตินากำลังหดตัวในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าและจะเริ่มฟื้นกลับได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ขณะที่ไอเอ็มเอฟเรียกร้องให้รัฐบาลมีการปรับลดค่าใช้จ่ายและขึ้นภาษีเพื่อแก้ไขงบประมาณขาดดุลขั้นต้นที่จะส่งผลต่อจีดีพีในปีนี้ที่ระดับ 2.7% สู่ระดับ 0% ในปีหน้า

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเกือบ 1% ท่ามกลางภาวะอุปทานน้ำมันโลกที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มนักลงทุนมีความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันที่อาจชะลอตัวลงจึงกดดันให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงติดต่อกันรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1984 ขณะเดียวกันราคาน้ำมันก็ร่วงลงมาแล้วประมาณ 20% นับตั้งแต่ที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนต.ค.

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลง 47 เซนต์ คิดเป็น -0.7% ที่ระดับ 70.18 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลงต่ำกว่า 70 เหรียญเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เม.ย. หรือปรับลงมาแล้วประมาณ 20% จากระดับสูงสุดรอบ 4 ปีที่ทำไว้ในเดือนต.ค.

ขณะที่ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับลง 3.6% หรือร่วงลงไปกว่า 15% ในไตรมาสปัจจุบัน

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงติดต่อกัน 10 วันทำการ หรือติดต่อกันมากที่สุดนับตั้งแต่ก.ค. ปี 1984 โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลง 48 เซนต์ คิดเป็น -0.8% ที่ระดับ 60.19 เหรียญ/บาร์เรล ไปทำจุดต่ำสุดระหว่างคืนวันศุกร์ที่ 59.26 เหรียญ/บาร์เรล หรือต่ำสุดรอบ 8 เดือน ภาพรวมปรับลงมา 22% จากระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com