1. เดโมแครตครองสภาล่าง ขณะที่รีพับลิกันครองสภาสูงและมีจำนวนที่นั่งเพิ่มมากขึ้น
หากพรรคเดโมแครตสามารถครอบครองที่นั่งในสภาล่างที่ยังเหลืออีกประมาณ 30 ที่นั่งได้ตามโพลสำรวจ ซึ่งเป็นกรณีที่แนวโน้มจะเกิดขึ้นจริงมากที่สุด ณ ปัจจุบัน ก็จะคล้ายกับการเลือกตั้งกลางวาระครั้งก่อนๆ ที่พรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามกับพรรคของประธานาธิบดี มักจะมีที่นั่งมากขึ้นในสภาล่าง แต่ถ้ามองย้อนกลับไปในปี 2010 ที่พรรครีพับลิกันมีนั่งในทั้ง 2 สภามากกว่าพรรคเดโมแครตอย่างขาดลอย การกลับมาตีตื้นครั้งนี้ของเดโมแครตจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะอาจเป็นการปักหลักให้กับพรรคเดโมแครตสามารถกลับมาชิงเสียงข้างมากทั้ง 2 สภาได้ในปี 2020 หรือ ปี 2022
2.เดโมแครตครองสภาล่าง และมีที่นั่งมากขึ้นในสภาสูง
หากเกิดกรณีนี้ขึ้นจริง ก็จะสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนักต่อทีมบริหารขอบงประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะการดำเนินนโยบายใดๆของพวกเขาอาจมีความยากลำบากมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม โพลสำรวจคาดว่า เดโมแครตมีโอกาสที่จะชิงที่นั่งในสภาสูงได้เต็มที่ประมาณ 40-45 ที่นั่งเท่านั้น และถึงแม้จะสามารถเสมอกับรีพับลิกันที่ 50-50 ที่นั่ง การมีอยู่ของนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี ก็จะทำให้รีพับลิกันยังเป็นฝ่ายที่ครองเสียงข้างมากในสภาสูง
3. เดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา
การสูญเสียเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภาของรีพับลิกันซึ่งเป็นพรรคการเมืองการเมืองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางขั้วอำนาจในรัฐบาล และประเด็นที่นายทรัมป์อาจถูกสอบเป็นประเด็นแรกเลยคือผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016
4. รีพับลิกันครองสภาล่าง และมีที่นั่งมากขึ้นในสภาสูง
หากเกินกรณีนี้ขึ้นนั่นหมายถึง ความวุ่นวายอย่างแท้จริง เพราะจะไม่มีความชัดเจนว่านายทรัมป์จะสร้างความปั่นป่วนให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯและนโยบายต่างประเทศได้มากขึ้นแค่ไหน ถึงแม้โอกาสที่จะเกิดกรณีนี้ขึ้นอาจมีต่ำ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าโพลสำรวจประเมินฐานเสียงของนายทรัมป์ต่ำเกินไป
5.กรณีอื่นๆที่ไม่คาดคิด
ยกตัวอย่างเช่น รีพับลิกันครองสภาล่างอย่างฉิวเฉียด ขณะที่เดโมแครตครองสภาสูงอย่างฉิวเฉียดเช่นกัน หรือ รีพับลิกันมีที่นั่งในสภาสูงมากขึ้น หรือ เดโมแครตสูญเสียที่นั่งจากรัฐที่คาดว่าจะได้ แต่กลับได้คะแนนจากรัฐที่คาดไม่ถึงแทน
หากเกิดกรณีนี้ขึ้นก็จะเหมือนกับกรณีข้างบน นั่นคือ ความวุ่นวายอย่างแท้จริง แต่อาจแตกต่างตรงที่กรณีนี้จะไม่มีความแน่นอนในการบริหาร และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็จะถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย