• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 18 ตุลาคม 2561

    18 ตุลาคม 2561 | Economic News

• ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.08% บริเวณ 95.65 จุด โดยดัชนียังคงมีแรงหนุนจากรายงานการประชุมของเฟด ที่บ่งชี้ว่าธนาคารกลางยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปตามภายในปีนี้เดิม

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้นที่ระดับ 3.21% ท่ามกลางกระแสคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยที่มากขึ้น โดยพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีได้เคลื่อนเหนือระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 3% มานับตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.

• ขณะที่ค่าเงินยูโรค่อนข้างทรงตัวที่บริเวณ 1.1497 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากอ่อนค่าลงมา 0.65% เมื่อวานนี้ โดยค่าเงินได้อ่อนค่าลงมากว่า 2.73% นับตั้งแต่เมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์

ทั้งนี้ ตลาดจับตาไปที่ประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลอิตาลีและสหภาพยุโรป เนื่องจากอิตาลีต้องการเพิ่มเป้าหมายยอดขาดดุลของภาครัฐในปี 2019 ขึ้นสู่ระดับ 2.4% จากเดิมที่ 1.9% เพื่อนำงบประมาณไปสนับสนุนด้านสวัสดิการแรงงานและกองทุนบำเหน็จบำนาญ ซึ่งขัดแย้งกับมุมมองของสหภาพยุโรปที่ต้องการให้อิตาลีลดเป้าหมายยอดขาดดุลเพื่อช่วยลดระดับหนี้สินสาธารณะแทน

• ด้านค่าเงินเยนเคลื่อนไหวบริเวณ 112.53 เยน/ดอลลาร์ หลังค่าเงินดอลลารือ่อนค่า 0.12% เมื่อเทียบกับเงินเยน โดยค่าเงินเยนได้อ่อนค่าทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 วันทำการเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์เมื่อวานนี้

· นักวิเคราะห์จาก FXStreet กล่าวว่า ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงมา 0.3% แถวระดับ 1.3070 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่ประชุม Brexit ดูจะยังหาข้อสรุปร่วมกันไม่ได้ และกลุ่มผู้นำอียูต้องการให้แผนดังกล่าวแล้วเสร็จในการประชุมผู้นำเดือนพ.ย. แต่ก็ดูจะมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย และตลาดดูจะตอบรับกับความเป็นไปได้ที่ผลลัพธ์จะออกมาเป็น "No Brexit Deal" ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ออกมาแย่กว่าที่คาดไว้สู่ระดับ 0.4%

ทั้งนี้ หลังจากที่ค่าเงินปอนด์ Break หลุดต่ำกว่าแนวรับ 1.3103 ดอลลาร์/ปอนด์ ก็ดุูจะลงมาเคลื่อนไหวบริเวณะระดับเส้น Fibonacci Retracement 38.2% และเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 วัน ระหว่าง 1.2662 - 1.4377 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยค่าเงินปอนด์ดูมีโอกาสอ่อนตัวต่อมาทดสอบระดับเป้าหมาย 1.3030 ดอลลาร์/ปอนด์ และ 1.2970 ดอลลาร์/ปอนด์ ตามลำดับ

· รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งฝรั่งเศส ประกาศยกเลิการเดินทางไปร่วมการประชุมด้านการลงทุนที่จะจัดขึ้นในเมืองริยาด ของซาอุดิอาระเบีย ในสัปดาห์หน้า โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์ในซาอุฯยังไม่เหมาะสม หลังจากเกิดคดีของนายจามาลที่สร้างความขัดแย้งให้กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

· รายงานจากกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐฯที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่ายอดขาดดุลของรัฐบาลสหรัฐฯในปีงบประมาณ 2018 ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 7.79 แสนล้านเหรียญ ซึ่งเป้นระดับสูงสุดที่สุดในรอบ 6 ปี ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายปรับลดภษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำให้ภาครัฐจำเป็นต้องมีการกู้ยืมมากขึ้น

เนื่องจากยอดขาดดุลของภาครัฐที่ย่ำแย่ลง ระดับหนี้สินในสหรัฐฯจึงแนวโน้มที่จะเลวร้ายลงเช่นเดียวกันสำหรับปีต่อๆไป ซึ่งทีมบริหารของนายทรัมป์ได้เคยคาดการณ์ว่ายอดขาดดุลของรัฐบาลจะแตะระดับ 1 ล้านล้านเหรียญภายในปี 2019 ซึ่งใกล้เคียงกับยอดดุลในปี 2012 ที่มียอดขาดดุลมากถึง 1.1 ล้านล้านเหรียญ

· นายมัตเตโอ ซาลวินี รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศอาจพิจารณาลงสมัครการเลือกตั้งตำแหน่งประธานคณะกรรมการแห่งสหภาพยุโรปครั้งต่อไป ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23-26 พ.ค. ปี 2019 โดยนายมัตเตโอ เป็นผู้ที่มีแนวคิดไม่สนับสนุนให้สหภาพยุโรปเพิ่มมาตรคว่ำบาตรรัสเซีย

· ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ดังเดิมที่ระดับ 1.50% ในการประชุมวันนี้ตามคาด แต่ได้แสดงความกังวลต่อระดับหนี้สินของภาคครัวเรือนและความไม่มั่นคงทางการเงิน ส่งผลให้กระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้อาจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งเดือนหน้ามีสูงยิ่งขึ้น

· ยอดส่งออกของญี่ปุ่นในเดือน ก.ย. ชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 ที่ระดับ 4.8% ท่ามกลางปริมาณการส่งออกสู่สหรัฐฯและจีนที่ปรับลดลงจากความกังวลในความขัดแย้งทางการค้า จึงอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 3/2018

ขณะที่การส่งออกของญี่ปุ่นสู่สหรัฐฯปรับลดลง 0.2% ในรอบปีนี้ถึงเดือน ก.ย. โดยได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกสินค้าในกลุ่มการก่อสร้าง เครื่องจักรสำหรับขุดเหมือง ชินส่วนรถยนต์ และยาเวชภัณฑ์ที่ลดน้อยลง

· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ส่งสัญญาณว่าเธอเปิดกว้างต่อแนวคิดที่จะขยายระยะเวลาของช่วงเวลาที่อังกฤษยังสามารถอยู่ในระบบการค้าร่วมกับสหภาพได้ออกไปอีก “2-3 เดือน”

ขณะที่ตัวแทนการเจรจา Brexit จากสหภาพยุโรป ได้เคยส่งสัญญาณว่าพวกเขายินดีขยายช่วงเวลาดังกล่าวออกไปได้ถึง 1 ปี เพื่อให้เวลาอังกฤษสามารถเจรจาการค้ากับยุโรปรวมถึงแก้ปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับพหรมแดนไอร์แลนด์ได้เสียก่อน

· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามกับสื่อมวลชน ภายหลังจากการเจรจา Brexit กับตัวแทนจากสหภาพยุโรปครั้งล่าสุด

โดยก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมการประชุม รายงานจากสำนักข่าวระบุว่า นางเมย์มีมุมมองที่ดีต่อผลการเจรจาครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้ารวมถึงปัญหาชายแดนไอร์แลนด์ที่ยืดเยื้อมานาน

อย่างไรก็ตาม นางเมย์ยังคงเผชิญกับความขัดแย้งภายในรัฐสภาอังกฤษ โดยนายเจเรมี โคบลิน หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในสภา ได้ตีตราว่าแผนดำเนินการ Brexit ของนางเมย์ ได้“จบสิ้นแล้ว”

ขณะที่ทางด้านเยอรมนีและฝรั่งเศสได้ยกระดับการเตรียมรับมือกับกรณีที่การเจรจา Brexit จบลงแบบ No-deal แม้ว่าจะมีเสียงแตกแยกออกไปเป็น 2 ฝั่ง โดยที่ฝั่งหนึ่งเชื่อว่าการเจรจา Brexit ยังมีโอกาสที่จะสามารถบรรลุผลได้

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนักข่าวซาอุดีอาระเบียที่มีชื่อเสียง ขณะที่ราคาทรงตัวหลังจากที่ปรับร่วงลงอย่าหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา จากการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ 6.5 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.2% ที่ระดับ 69.87 เหรียญ/บาร์เรล หลังร่วงลง 3% ในช่วงก่อนหน้า และอยู่ต่ำกว่า 70 เหรียญ/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบเดือน ขณะที่น้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 0.2% เช่นเดียวกัน ที่ระดับ 80.18 เหรียญ/บาร์เรล
• วิเคราะห์ราคาน้ำมัน WTI ทางเทคนิค : ราคาน้ำมันลงต่ำกว่าระดับ $70.00

ทิศทางขาลงของราคาน้ำมัน WTI เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง หลังราคาหลุดต่ำกว่าระดับแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่ $70.00 ลงมา รวมถึงร่วงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก FX Street ระบุว่า เส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วันเคลื่อนไหวลงตัดกับเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 วัน จึงเป็นการยืนยันถึงทิศทางขาลงในระยะสั้น ขณะที่ Indicators อย่าง RSI, MACD และ Stochastic ต่างส่งสัญญาณถึงทิศทางขาลงที่ชัดเจน

ล่าสุด แม้ราคาจะเริ่มกลับมาทรงตัว แต่คาดว่าราคาวันนี้จะยังคงถูกดกดันต่ำกว่าระดับ $71.00 ต่อไป

ทิศทางหลัก: ขาขึ้น

แนวต้าน: 70.53, 71.45, 72.00

แนวรับ: 70.00, 69.00, 68.00

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com