• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 2 ตุลาคม 2561

    2 ตุลาคม 2561 | Economic News

·         ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนจากความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับเรื่องงบประมาณของอิตาลี ขณะที่ค่าเงินแคนาดาดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่แคนาดาสามารถบรรลุข้อตกลงฉบับใหม่ได้ในนาทีสุดท้าย ซึ่งเป็นข้อตกลงที่จะมาแทน NAFTA


ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมา 0.27ที่ระดับ 1.1577 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ตลาดกังวลกันว่างบประมาณอิตาลีจะส่งผลให้ระดับหนี้ของอิตาลียิ่งพุ่งสูงขึ้น  ขณะที่อียูปฏิเสธแผนการปรับเพิ่งยอดขาดดุลสู่ระดับ 2.4% ของจีดีพีในปี 2019


ค่าเงินเยนมีการซื้อขายใกล้ระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 10 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ โดยค่าเงินดอลลาร์ได้อานิสงส์จากการบรรลุข้อตกลงสหรัฐฯ-แคนาดาล่าสุด


ทั้งนี้ ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 113.99 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่เมื่อวานนี้ไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดที่ 114.06 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่พ.ย. ปีที่แล้ว


ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นมาที่ 95.31 จุดหลังจากไปทำระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ 95.373 จุด ขณะที่ค่าเงินแคนาดามีการซื้อขายที่ 1.2809 แคนาดาดอลลาร์ หรือปรับแข็งค่าขึ้นประมาณ 0.7%

·         มาตรวัดกิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐฯอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีในเดือนก.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการขยายตัวในยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ชะลอตัวลง แต่อุปสรรคด้านอุปทานดูมีการปรับตัวลงไป จึงยังบ่งชี้ว่าภาคการผลิตนั้นยังขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ

·         สถาบันจัดการด้านอุปทาน หรือ ISM เผยดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานอุตสาหกรรมร่วงลง 1.5 จุด สู่ระดับ 59.8 จุด จากเดิมในเดือนส.ค. ที่ระดับ 61.3 จุด ซึ่งเป็นระดับสุงสุดเมื่อ พ.ค. ปี 2004 แต่การที่ดัชนียังยืนได้เหนือ 50 จุด ยังคงเป็นสัญญาณที่ดีที่สะท้อนถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ


ขณะที่ข้อมูลค่าใช้จ่ายในภาคการก่อสร้างเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้นได้เพียงเล็กน้อย ท่ามกลางการอ่อนตัวของการลงทุนในภาคเอกชนแบบบุคคลกับ Non-Residential  โดยรายงานระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวได้ส่งผลต่อมุมมองการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


·         นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า ความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานจะนำมาสู่การจ้างงานที่ดี รวมทั้งมีค่าแรงที่มีเพิ่มขึ้นจากนายจ้างของพวกเขา แต่ก็อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจในเรื่องเงินเฟ้อหรือปัญหาอื่นๆ หากว่าการปรับตัวนั้นอยู่ต่ำกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้


·         นายจิม แมททิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า เขายังไม่คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีนกำลังเลวร้าย แม้ว่าทริปของเขาในการเยือนจีนจะถูกยกเลิก และเริ่มมีความตึงเครียดทางการทหารก็ตาม


·         สหรัฐฯและจีน กำลังคุกรุ่นด้วยประเด็นความตึงเครียดทางการค้าหรือ  Trade War ที่เป็นผลมาจากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวหาว่าจีนนั้นมีการละเมิดสินทรัพย์ทางปัญญาจากสหรัฐฯมาเป็นระยะเวลานาน และเกิดความไม่ยุติธรรมและจำกัดการเข้าถึงภาคบริษัทต่างๆ


·         บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูโรโซนกล่าวเตือนอิตาลีว่าแผนการกู้ยืมเงินนับพันล้านสำหรับกองทุนค่าใช้จ่ายอาจส่งผลให้ประเทศเกิดวิกฤตได้ จึงออกมาเรียกร้องและกดดันให้อิตาลีทำการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดดังกล่าว


·         เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอิตาลี กล่าวว่า ประเทศในอียูหลายแห่งประสบความล้มเหลวเมื่อเคารพกฎทางการเงินของอียู แต่ความคิดเห็นดังกล่าวไม่ได้หมายความว่ากฎที่ตั้งขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ควรฝ่ายืน ซึ่งเขายอมรับว่าเป้าหมายขาดดุลของอิตาลีไม่ได้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของอียู แต่

·         ผู้บริหารระดับสูงในภาคอุตสาหกรรม กล่าวว่า ผลผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ยนต์ในเม็กซิโกมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นประมาณ 10% ในช่วง 3 ปี ท่ามกลางกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่ดูจะมีความเข้มงวดต่อกฎใหม่ของข้อตกลง NAFTA

·         เจ้าหน้าที่อาวุโสจากแคนาดา กล่าวว่า แคนาดาได้รับแรงหนุนจากข้อตกลง NAFTA ร่วมกันระหว่างสหรัฐฯและเม็กซิโก จึงกลับมาสร้างแรงกดดันให้แก่สหรัฐฯในการถอนมาตรการการขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม

ทั้งนี้ ข้อตกลงทางการค้าสามารถเจรจาเป็นผลสำเร็จได้ในช่วงค่ำวันอาทิตย์ หรือเมื่อวานนี้ของไทย จึงช่วยปกป้องกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ของแคนาดาจากโอกาสที่จะได้รับผลกระทบของการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่เป็นการรับประกันว่าสหรัฐฯจะยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของแคนาดาและเม็กซิโกที่ได้ประกาศขึ้นไว้ในเดือนมิ.ย.หรือไม่


·         นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา แสดงความชัดเจนว่า แผนภาษีควรถูกยกเลิกออกไปก่อนที่ข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่จะมีการลงนามร่วมกันระหว่าง 3 ชาติ แต่ทีมบริหารของนายทรัมป์ได้ทำการปฏิเสธที่จะทำดำเนินการดังกล่าวในตอนนี้


·         สัญญาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นกว่า 2 เหรียญไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่พ.ย. ปี 2014 ท่ามกลางโอกาสที่สหรัฐฯจะคว่ำบาตรอิหร่านและ NAFTA ที่อยู่ในแนวโน้มเชิงบวก


สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 2.25 เหรียญ คิดเป็น +2.7ที่ระดับ 84.98 เหรียญ/บาร์เรล โดยระหว่างวันปรับขึ้นเหนือ 85 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ พ.ย. ปี 2014 ได้เป็นครั้งแรก โดยไปทำ High ที่ 85.45 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 2.05 เหรียญ ที่ระดับ 75.30 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ พ.ย. ปี 2014 เช่นกัน



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com