• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 24 กันยายน 2561

    24 กันยายน 2561 | Economic News
• ดัชนีดอลลาร์ ปรับแข็งค่าขึ้น 0.06% บริเวณ 93.84 จุด ขณะที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ 0.16% บริเวณ 6.8478 หยวน/ดอลลาร์ โดยที่วันนี้ ธนาคารกลางแห่งประเทศไม่มีการกำหนดค่ากลางให้กับค่าเงินหยวน เนื่องจากวันหยุดในเทศกาลไหว้พระจันทร์

• ค่าเงินเยนแข็งค่าท่ามกลางแรงเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven ลงไปทำจุดต่ำสุดรายวันที่บริเวณ 112.28 เยน/ดอลลาร์ ก่อนที่จะรีบาวน์กลับขึ้นมาบริเวณ 112.58 เยน/ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน เนื่องจากนโยบายขึ้นภาษีเป็นมูลค่า 2 แสนล้าเหรียญของสหรัฐฯฉบับล่าสุด รวมทั้งนโยบายภาษีตอบโต้เป็นมูลค่า 6 หมื่นล้าเหรียญจากทางจีน ต่างมีผลบังคับในวันนี้

• รายงานจาก Reuters คาดการณ์ว่า หลังการจากประชุมเฟดสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในค่าเงินมากขึ้นเหมือนเมื่อทศวรรษก่อน และค่าเงินอาจได้รับความนิยมมากกว่าตลาดหุ้นที่ขยายตัวติดต่อยาวนานเป็นประวัติการณ์เสียอีก

ทั้งนี้ การที่หุ้นเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากกว่าค่าเงินมาโดยตลอด เป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้สินทรัพย์ถาวรส่วนใหญ่มีผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับมูลค่าของหุ้น

• นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวว่า การประชุมระหว่างเสณาธิการแห่งองค์การสหประชาชาติ (U.N) ที่จะจัดขึ้น ณ เมืองนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ ในวันจันทร์และอังคารนี้ ซึ่งจะมีนางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งแคนาดา และนายไรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ เข้าร่วมด้วย จึงอาจมีการเจรจาเกี่ยวกับสนธิสัญญา NAFTA นอกรอบขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ

• นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า การเจรจาการค้าเบื้องต้นกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถือว่าสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี ก่อนที่ทั้งคู่จะมีการเจรจาอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้

โดยนายอาเบะและนายทรัมป์ น่าจะมีการเจรจาเกี่ยวกับการค้านอกรอบ ระหว่างการประชุมของบรรดาเสณาธิการแห่งองค์การสหประชาชาติภายในสัปดาห์นี้

• Dominic Raab เลขาธิการประจำกระทรวง Brexit แห่งอังกฤษ แสดงความเชื่อมั่นว่า อังกฤษจะมีความคืบหน้าในการเจรจากับสหภาพยุโรป และจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ในที่สุด

• บรรดาผู้ประกอบการแนวหน้าในสหรัฐฯ ต่างมีความคิดเห็นว่า ปัญหาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข แต่ไม่ใช่การขึ้นภาษี เนื่องจากบรรดาผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีงบประมาณนำเข้าที่สูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางส่วนจำเป็นต้องพิจาณาว่ามารับค่าเสียหายในส่วนนั้นไว้เอง หรือจะปล่อยให้เป็นปัญหาสำหรับผู้บริโภคแทน

ทั้งนี้ บรรดาผู้ประกอบการในสหรัฐฯนับหลายพันบริษัท ได้มีการส่งเรื่องร้องเรียนต่อรัฐบาลสหรัฐฯให้พิจารณายกเว้นภาษีสำหรับสินค้าบางรายการจากประเทศจีน แต่ดูเหมือนว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวจะไม่ได้รับการตอบรับแม้แต่ฉบับเดียว

• นโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าฉบับล่าสุดของทั้งสหรัฐฯและจีน ต่างมีผลบังคับใช้ในวันนี้ ท่ามกลางสัญญาณจากสหรัฐฯที่ไม่มีท่าทีจะผ่อนคลายความขัดแย้งทางการค้าแต่อย่างใด ส่งผลให้หลายๆฝ่ายต่างกังวลว่าความขัดแย้งดังกล่าวจะกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ขณะที่ทางการจีนได้ออกมากล่าวว่า สหรัฐฯกำลังทำการ “กลั่นแกล้งทางเศรษฐกิจ” เพื่อเป็นการข่มขู่ให้ประเทศคู่ค้ายอมรับความพ่ายแพ้ผ่านการขึ้นภาษี

อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังคงมีความยินดีที่จะเริ่มต้นการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯใหม่อีกครั้ง หากการเจรจาดังกล่าวดำเนินไปด้วย “ความเท่าเทียมและความเคารพต่อกันและกัน”

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2% เนื่องจากตลาดมีความตึงตัวก่อนการคว่ำบาตรครั้งใหม่ของสหรัฐฯต่ออิหร่าน ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์บางรายคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 2% ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ที่บริเวณ 80.43 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น 1.8% ที่ระดับ 72.06 เหรียญ/บาร์เรล
Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com